หลังจากสหรัฐ เพิ่งประกาศฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมากกว่า 200 ล้านโดสไปแล้ว ล่าสุด สหรัฐฯ เตรียมแบ่งปันวัคซีนต้านโควิด 19 แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 60 ล้านโดส ที่สหรัฐครอบครองอยู่ ไปให้กับประเทศอื่นๆต่อไป
สหรัฐฯ ประกาศจะส่งออกวัคซีนต้านโควิด แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 60 ล้านโดส ที่กักตุนไว้ โดยโครงการนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ทั้งนี้สาเหตุที่สหรัฐฯจะแบ่งปันวัคซีนครั้งนี้ เป็นเพราะพวกเขามีวัคซีนตัวอื่น ๆ มากพอจะฉีดให้ชาวอเมริกันทั้งประเทศแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าอีกต่อไป
โดย เจน ปซากิ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะส่งออกวัคซีนต้านโควิด19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ภายในอนาคตไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะปัจจุบันสหรัฐฯ มีวัคซีนต้านโควิดตัวอื่น ๆ มากพอ สำหรับฉีดให้แก่ชาวอเมริกันทุกคนแล้ว ได้แก่วัคซีนของไฟเซอร์ ,โมเดอร์น่า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัคซีนของ แอสตร้าเซนเนก้า อีกต่อไป แล้ว
สำหรับ สหรัฐ มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด19 นำหน้าประเทศอื่น ๆ ไปพอสมควรแล้ว โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า ชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดอย่างน้อย 1 เข็มไปแล้ว มากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ 53% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ ในขณะที่หลายประเทศในโลก กลับกำลังเผชิญกับการขาดแคลนวัคซีนต้านโควิด
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม โจ ไบเดน ประธานาธิบดี เพิ่งประกาศจะแบ่งปันวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 4 ล้านโดสให้กับเม็กซิโกและแคนาดา ขณะที่วิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 ในอินเดียยังน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้รัฐบาลสหรัฐต้องออกมาแบ่งปันวัคซีนที่สำรองไว้โดยไม่ได้ใช้งานออกไป
ส่วนสถานการณ์ของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในยุโรป ล่าสุดเหมือนจะไม่สู้ดี เพราะ สหภาพยุโรป หรือ EU ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด19 แอสตร้าเซนเนก้า โทษฐานไม่เคารพต่อสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด19 และไม่มีแผน “ที่เชื่อถือได้” ในการรับประกันว่าจะจัดส่งวัคซีนได้ทันเวลา และจากการส่งวัคซีนล่าช้าของแอสต้าเซนเนก้า ส่งผลให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต้องสะดุด และในที่สุดพวกเขาก็หันไปพึ่งวัคซีนของ ไฟเซอร์ เป็นหลักแทน