โควิด - 19 สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์เบงกอล การกลายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง ว่าจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนหรือไม่ โดยอินเดียฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 100 ล้านโดส
ปัจจุบัน อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยข้อมูลของ worldometers วันที่ 26 เมษายน 2564 ระบุว่าอินเดียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 17,313,163 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 195,123 ราย มียอดผู้ติดเชื้อต่อวันทะลุ 3 แสนราย ติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน – 25 เมษายน 64
การแพร่ระบาดจนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 เช่น การกลายพันธุ์ในสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ เป็นต้น
ส่วนการกลายพันธุ์ของโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้กล่าวในการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข ว่า โควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง
“สายพันธุ์อินเดีย อาจจะระบาดไม่ง่ายเท่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่สายพันธุ์อินเดียมีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น 2 ตำแหน่ง เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังกังวล เพราะอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีน (ที่ทั่วโลกมีอยู่ในเวลานี้) ลดลง แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่า วัคซีนจะลดประสิทธิภาพลงจริงหรือไม่ แต่โดยทางหลักทฤษฎี มีความเป็นไปได้” (หมอยง เผย โควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง)
ซึ่งตอนนี้ วัคซีนคืออาวุธที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้โลกหลุดพ้นจากวิกฤตโควิด 19 ได้ ดังนั้นหากวัคซีนที่มีอยู่ไม่อาจกำราบเจ้าโควิดสายพันธุ์นี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่งว่า สงครามโควิด 19 อาจมีแนวโน้มต้องยืดเยื้อไปอีก
กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวของอินเดีย ระบุว่า อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2564
โดยข้อมูลล่าสุดของวันที่ 25 เมษายน 2564 ระบุว่า มีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 1.17 ร้อยล้านโดส มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสกว่า 21.3 ล้านโดส คิดเป็น 8.6% ของประชากรในประเทศ ถือว่า มีเปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนโควิด 19 สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก แต่ยอดผู้ติดเชื้อของอินเดีย ก็ยังเพิ่มขึ้นสูง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้การระบาดของอินเดียยังคงหนักหน่วงและรุนแรง โดยเฉพาะในการระบาดรอบ 2 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เห็นตรงกันว่า เกิดจากชาวอินเดียไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่นการหลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชน ไม่สวมหน้ากากอนามัย รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด
ซึ่งยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า เป็นเพราะโควิดสายพันธุ์อินเดีย ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จึงต้องรอดูต่อไปว่า หากมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชาชนได้มากขึ้น จะทำให้อัตราผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในอินเดียลดลง อย่างเช่นที่อังกฤษ หรือไม่
โควิเด 19 สายพันธุ์อินเดีย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า B.1.617 มีการกลายพันธุ 2 ตำแหน่ง ตรวจพบในอินเดียครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563
ดร.เจเรมี คามิลล์ นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยลุยเซียนาสเตต ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ลักษณะการกลายพันธุ์บางอย่างของโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย มีความคล้ายคลึงกับที่พบในสายพันธุ์บราซิล และสายพันธุ์แอฟริกาใต้
ซึ่งการกลายพันธุ์อาจช่วยให้ไวรัสหลบเลี่ยงแอนติบอดีในระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยแอนติบอดีคือสิ่งที่สามารถต่อสู้กับโควิด 19 ได้ หลังจากได้รับวัคซีน หรือเคยผ่านการติดเชื้อมาแล้ว
ดร.เจเรมี คามิลล์ กล่าวว่า โควิด 19 สายพันธุ์อินเดียยังไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงที่น่ากังวลที่สุด เมื่อเทียบกับโควิด 19 สายพันธุอังกฤษ ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า B.1.1.7 ซึ่งได้แพร่กระจายไปแล้วกว่า 50 กว่า ประเทศทั่วโลก
ส่วน ดร. เจฟฟรีย์ บาร์เร็ตต์ จากสถาบันเวลล์คัมแซงเกอร์ ของอังกฤษกล่าวว่า โควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย มีการติดต่อกันได้ยากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ข้อมูลเกี่ยวกับ โควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ในเวลานี้ ยังค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้เชี่ยวชาญพบว่าเชื้อโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง ในประเทศอินเดีย โดยครั้งนี้มีการกลายพันธุ์ 3 จุด (triple mutant variant) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า B.1.618 หรือโควิด 19 สายพันธุ์เบงกอล
สายพันธุ์ดังกล่าว ถูกพบครั้งแรกในรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย โดยมีตำแหน่งการกลายพันธุ์ 3 จุด ที่อาจะส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และแพร่กระจายได้เร็วขึ้น
โดยตำแหน่งการกลายพันธุ์ 1 ใน 3 จุด เกี่ยวข้องกับการหลบหลีกการตรวจจับของภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่มีการกลายพันธุ์ในสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และสายพันธุ์บราซิล ซึ่งอาจจะส่งผลให้วัคซีน มีประสิทธิภาพลดลง
ในการแถลงของกระทรงสาธารณสุข เมื่อวานนี้ ศ.นพ.ยง ได้ยืนยันว่า โควิด 19 ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยเวลานี้ 98 % เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ยังไม่พบในประเทศไทย แต่ต้องเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด
หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ในประเทศอินเดีย ที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
หลายประเทศ อาทิ อิหร่าน คูเวต ยูเออี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส สหรัฐฯ อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ แคนนาดา และออสเตรเลีย ก็ได้ออกประกาศ ห้ามเที่ยวบินจากอินเดียเข้าประเทศ
ในวันนี้ ศบค. ได้แถลงว่า จะสกัดการแพร่ระบาดโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย อย่างเข้มข้น โดยสั่งชะลอการเดินทางเข้าไทยจาก 3 ประเทศคือ อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ พร้อมกักตัว 21 วัน
อ้างอิง
โควิด-19: รู้จักไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย เชื้อที่ต้องสงสัยว่าก่อเหตุระบาดระลอกสองในแดนภารตะ
What is the new 'triple mutant variant' of Covid-19 virus found in Bengal? How bad is it?