ฟอสซิลมนุษย์ยุคแรกที่อายุมากที่สุด อายุ 3.6 ล้านปีถูกพบในถ้ำทางแอฟริกาใต้ สร้างความฮือฮาในนักวิทยาศาสตร์ไม่น้อย ซึ่งมีอายุมากกว่า ลูซี่ มนุษย์โบราณชื่อดังด้วย
ยิ่งขุดยิ่งลึก การค้นพบก็เช่นเดียวกัน
เมื่อไม่นานมานี้มีการค้นพบใหม่เกี่ยวกับบรรพบุรุษของมนุษย์ ในถ้ำ Sterkfontein ในแอฟริกาใต้ นักบรรพชีวินได้ค้นพบบรรพบุรุษมนุษย์ยุคแรก ที่อายุยาวนานกว่าที่เคยค้นพบมา โดยการค้นพบใหม่นี้ มนุษย์ดังกล่าวมีอายุกว่า 3.4-3.6 ล้านปี ซึ่งมากกว่า 'ลูซี่' มนุษย์ยุคหินที่เคยถูกค้นพบในเอธิโอเปียและมีชีวิตอยู่เมื่อราว ๆ 3.2 ล้านปีที่แล้ว
อายุที่มากนี้ถือว่าเป็นอายุประวัติการณ์ของการค้นพบ ไม่เคยมีการค้นพบมนุษย์ที่มีอายุมากเท่านี้มาก่อน ทำให้นักวิจัยตื่นเต้นมาก ในการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของมนุษย์
มนุษย์ที่ค้นพบอยู่ในสปีชีส์ของ Australopithecus เป็นโฮมินิน (hominin)โบราณ นักวิจัยได้ใช้เทคนิคใหม่ในการระบุอายุของมนุษย์ด้วยตะกอนที่พบในถ้ำ ซึ่ง Sterkfontein เป็นถ้ำมรดกโลกของ Credle of Humankind ของยูเนสโก (UNESCO) ที่อยู่ห่างจากเมืองโยฮันเนสเบิร์กไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร
การศึกษาใหม่นี้ถูกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ Proceedings of the National Academy of Sciences ซึ่งถ้ำ Sterkfontein มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก เนื่องจากมีการค้นพบเรื่องราวใหม่ ๆ เกี่ยวกับบรรพบุรุษมนุษย์ในถ้ำแห่งนี้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งเริ่มปรากฏให้เห็นในปี 1936 เมื่อมีการค้นพบฟอสซิลของ Australopithecus ที่โตเต็มวัยครั้งแรกในถ้ำแห่งนี้โดยนักบรรพชีวินวิทยา Dr.Robert Broom
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จริงไหม? มนุษย์ฮอบบิทยังมีชีวิตและแอบซ่อนตัวอยู่ที่อินโดนีเซีย
ชิลีค้นพบมัมมี่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า 7,000 ปีมากกว่าอียิปต์ซะอีก
การค้นพบแต่ละครั้งในถ้ำแห่งนี้ ทำให้เส้นเรื่องทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับบรรพบุรุษมนุษย์เปลี่ยนไปตามการค้นพบในแต่ละครั้ง ตั้งแต่การค้นพบฟอสซิลมนุษย์โบราณในถ้ำแห่งนี้ครั้งแรก ตั้งแต่นั้นมา ก็มีการค้นพบฟอสซิล Australopithecus หลายร้อยชิ้น รวมไปถึงการค้นพบ little foot ที่มีชื่อเสียง มนุษย์เพศหญิงยุคแรกเริ่มที่อาศัยอยู่ในแอฟริกาเมื่อ 3.6 ล้านปีก่อน
เธอเป็นตัวแทนของการค้นพบมนุษย์ Australopithecus ที่สมบูรณ์ที่สุด และกำลังช่วยนักวิจัยให้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบรรพบุรุษมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายลิงชิมแปนซีของเรา ดร. Darryl Granger หัวหน้านักวิจัยด้านการศึกษาชั้นบรรยากาศโลกและดาวเคราะห์ในวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ Purdue University กล่าวว่า
“ถ้ำ Sterkfontein มีฟอสซิล Australopithecus มากกว่าที่ใดในโลก แต่มันยากที่จะหาการจับคู่ที่เหมาะสม ผู้คนได้ค้นพบฟอสซิลสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆมากมายในถ้ำนี้ และเปรียบเทียบอายุขอพวกมันกับลักษณะถ้ำ เช่น หินไหล และเราก็ได้ข้อมูลช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ข้อมูลของเราทำได้คือการแก้ไขข้อขัดแย้งเหล่านี้ ซึ่งมันแสดงให้เราเห็นว่า ฟอสซิลเหล่นี้ เก่าแก่กว่าที่เราคิดไว้มาก”
เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของมนุษย์โบราณที่ค้นพบ
นักวิจัยระบุว่า ตะกอนในถ้ำทั้งหมดรวมถึง ฟอสซิลของ Australopithecus มีอายุตั้งแต่ 3.4-3.6 ล้านปี ซึ่งได้นำเราไปสู่จุดเริ่มต้นของยุค Australopithecus แทนที่จะเป็นยุคสิ้นสุด คนเหล่านี้ก่อกำเนิดขึ้นมาก่อน hominins อื่น ๆ ถึงล้านปีหากเทียบกับไซต์ขุดที่อยู่ใกล้เคียง
วันเวลาที่ได้รับนั้น ชี้ให้เห็นว่า Australopithecus ซ้อนทับกับสมาชิกของสกุลโฮโม เช่นเดียวกับ homonins จากแนวคิดดังกล่าว นักวิจัยจนถึงปัจจุบันได้ยอมรับว่า Australopithes ของแอฟริกาใต้สืบเชื้อสายมาจากสปีชีส์ของแอฟริกาตะวันออก เช่น ลูซี่และสมาชิกคนอื่น ๆ ของ Australopithecus afarensis
ผู้ร่วมวิจัยการศึกษา Dominic Stratford ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยในถ้ำและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Witwatersrand ในโยฮันเนสเบิร์ก กล่าวว่า การประเมินอายุของของ Australopithecus ใหม่นี้มีนัยสำคัญว่า แอฟริกาใต้อาจมีส่วนในการขยายตัวของบรรพบุรุษมนุษย์ในยุคแรกของเราอย่างไร
ย้อนกลับไปในอดีต
เมื่อเราอยากรู้อายุของสิ่งต่าง ๆ ในถ้ำ เกรนเจอร์จึงใช้วิธีการที่เขาพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 ซึ่งปัจจุบันวิธรี้ก็แพร่หลายในกลุ่มนักวิจัยหลายสาขาให้นำไปใช้ โดยใช้ประโยชน์จากตะกอนในถ้ำ เกรนเจอณืได้ทำงานร่วมกับ Cosmogenic nuclides เขากล่าวว่า
“อนุภาคกัมมันตภาพรังสีหายากมาก จะเกิดขึ้นได้ภายในเมล็ดแร่ด้วยรังสีคอสมิกที่มาจากอวกาศ อะลูมิเนียม-26 และเบริลเลียม-10 เป็นสองตัวอย่างของนิวไคลด์คอสโมเจนิก ซึ่งทั้งคู่พบในแร่ควอทซ์ อะลูมิเนียม-26 ก่อตัวเมื่อหินสัมผัสกับรังสีคอสมิกขณะนั่งอยู่บนพื้นผิวโลก แต่นั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในถ้ำ”
ซึ่งการสลายตัวของกัมมันตภาพรังสีนี่เองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเอหินถูกฝังอยู่ในถ้ำพร้อมๆกับพวกฟอสซิล ซึ่งก่อนหน้านี้เกรนเจอร์ลองใช้วิธีนี้กับ little foot ซึ่งมันก็ใกล้เคียง แต่กับอายุของ Australopithecus อื่น ๆ ภายในถ้ำยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะระบบถ้ำที่ลึกและซับซ้อน มีประวัติการยึดครองของโฮมินินที่เคยอาศัยอยู่ที่นนี่มายาวนาน
แอฟริกาตะวันออกเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่อุดมไปด้วยซากดึกดำบรรพ์ Hominin และพบหลายแห่งใน Great Rift Valley ที่ซึ่งภูเขาไฟได้สร้างชั้นของเถ้าถ่านซึ่งง่ายต่อการระบุวันที่
เช่นเดียวกับถ้ำในแอฟริกาใต้ที่นักวิจัยต้องพึ่งพาการใช้ฟอสซิลของสัตว์เพื่อช่วยกำหนดอายุของกระดูกอื่นๆ ที่พวกมันอยู่ใกล้ หรือหินแคลไซต์ เมื่อน้ำไหลไปตามผนังถ้ำหรือพื้นถ้ำ น้ำอาจสะสมแคลไซต์เป็นชั้นๆ หรือแร่ธาตุคาร์บอเนตอื่นๆ ได้
การจับคู่ตะกอนที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นยากมาก และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อหินและกระดูกเคลื่อนและร่วงลงมาจากชั้นต่าง ๆ ในถ้ำและในบางครั้งก็อาจพบหินไหลอายุน้อยผสมกับตะกอนเก่า ซึ่งไม่ได้แบ่งชั้นกันอย่างชัดเจน แต่ร่วงหล่นมาผสมกัน
วิธีการของเกรนเจอร์ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่ปี 2014ในการค้นหาอายุของวัตถุด้วยอะลูมิเนียม-26เพียงน้อยนิดได้ และทั้งหมดนี้อาจเป็นก้าวสำคัญของการค้นคว้าและการค้นพบเรื่องราวของบรรพบุรุษมนุษย์เราว่ามีความเป็นมาอย่างไร
ที่มาข้อมูล
https://www.maropeng.co.za/galleries/entry/sterkfontein-caves3