จีนยกย่องคนไทยเป็นฮีโร่ หลังขอส่งสมบัติของตระกูลที่เก็บมานับร้อยปีคืนจีน ตรวจสอบพบว่าเป็นสมบัติราชวงศ์ชิงที่หายสาบสูญ ที่มีแต่ทายาทเท่านั้นที่ครอบครองได้
เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงวัฒนธรรมจีนและนักชำระประวัติศาสตร์ของจีนค้นพบวัตถุโบราณ สมบัติล้ำค่าสมัยราชวงศ์ชิงที่หายสาบสูญไปเมื่อ 100 กว่าปี โดยพบว่าสมบัติเหล่านั้นอยู่ในการดูแลของ นาย ภูมิฐิติพัฒน์ อินทปัตย์ เทพหัสดิน ที่กำลังจะนำสมบัติออกขายและมารู้ภายหลังว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของจีน จึงทำการตรวจสอบอีกครั้ง และพบว่ามันเป็นของจริง พร้อมเตรียมส่งคืนจีนเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีไทย-จีน
จากการสัมภาษณ์ คุณสุเทพ ภูมิฐิติพัฒน์ เจ้าของสมบัติและคุณ ใหญ่ พล.ร.ท.พิสิษฐ์ กลิ่นเฟื่อง ผู้นำส่งวัตถุโบราณส่งตรวจกับประเทศจีน คุณใหญ่กล่าวว่า
“ตอนแรกสุเทพบอกว่ามีสมบัติปู่ย่าตายายทิ้งไว้ให้ ไปดูให้หน่อย พอไปเปิดดู แค่เห็นหีบก็ตกใจแล้ว เพราะหีบมันทำจากหนังช้าง เราก็เลยเอาของบางชิ้นติดไปจีน เพราะเดินทางไปบ่อย ไปให้ทางสถาบันทางนู้นเขาดู ก็ปรากฎว่าทางสถาบันศูนย์วัฒนธรรมบอกว่าสมบัติเหล่านี้เป็นของราชวงศ์ชิง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เงิน ทอง “金” กลายเป็น คันจิประจำปี 2021 ขึ้นแท่นสถิติคำแห่งปี ครั้งที่ 4
ชิลีค้นพบมัมมี่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า 7,000 ปีมากกว่าอียิปต์ซะอีก
ที่มาของสมบัติทั้งหมด
สมบัติทั้งหมดอยู่กับครอบครัวคุณสุเทพมาร้อยกว่าปีแล้ว โดยผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงคือ อาก๋งของคุณสุเทพ ชื่อ แป๊ะโป้ย แซ่เจี่ย ท่านหนีมาจากเมืองจีนในช่วงที่เกิดสงครามซุนยัดเซ็น หรือสมัยหยวน ซื่อไข่ล้มล้างจักรพรรดิ สมบัติน่าจะตกทอดมา ซึ่งจักรพรรดิตอนนั้นน่าจะเป็น จักรพรรดิปูยีแห่งราชวงศ์ชิง อาก๋งลี้ภัยโดยนั่งเรือสำเภามา 8 ลำ เดินทางมาไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีคุณย่ากิ่ง เทพหัสดิน ณ อยุธยา ซึ่งตอนนั้นเป็นนางต้นห้องเครื่องขนมหวานให้ที่พักพิงและคอยดูแล จนก๋งแป๊ะโป้ยมีอายุได้ 20 ปี คุณยายกิ่งก็ได้แนะนำให้รู้จักและแต่งงานกับคุณย่ามาลัย หมื่นเทพรัตน์ ต่อมาคุณย่าได้มาเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นอินทปัตย์ ก๋งแป๊ะโป้ย จึงเปลี่ยนจากแซ่เจี่ยมาเป็นอินทปัตย์ กลายเป็น แป๊ะโป้ย อินทปัตย์ ท่านหนีมาตอนมีอายุได้ 10 ขวบ มาพร้อมกับข้าราชบริพาร เพราะเด็กคงไม่สามารถเดินเรือมาเองเพียงลำพัง ต้องมีผู้ใหญ่มาด้วย
รู้ได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของราชวงศ์ชิง
หลังคุณใหญ่ เพื่อนของคุณสุเทพนำสมบัติบางชิ้นไปให้มิสเตอร์กั้ว นักโบราณคดีและนักวัตถุโบราณลำดับ 3 ของกระทรวงวัฒนธรรมตรวจสอบดู ในช่วงที่โควิดยังไม่ระบาด ทางการจีนได้ให้คำตอบกลับมาว่า ของทั้งหมดเป็นของราชวงศ์จีนแท้ 100% และมันหายสาบสูญไปเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ผู้ครอบครองได้ต้องเป็นทายาทเท่านั้น
สมัยที่เกิดสงครามความขัดแย้ง พวกเขาคิดว่าสมบัติเหล่านี้ถูกเผาทำลายไปแล้ว จึงตกใจและสงสัยมากว่าของมาอยู่ที่คุณสุเทพได้อย่างไร เขาก็เอารูปก๋งของคุณสุเทพไปตรวจสอบดู ไปค้นคว้าอยู่สักพักจึงได้ความว่าอาก๋งแป๊ะโป้ย แซ่เจี่ย เป็นทายาทจักรพรรดิ เป็นบุคคลในราชสำนัก จากการตรวจสอบรูปพรรณสันฐานรูปภาพตอนท่าน 10 ขวบกับตอนอายุ 90 ปี และของที่เขาเอาไปตรวจ เขาเอาไปตรวจแล้วเป็นของราชวงศ์ของแท้ มีหลายยุค ตั้งแต่หลัก 200ปี-5000ปี นักชำระประวัติศาสตร์กล่าวมาแบบนั้น
ส่วนผู้ที่ลี้ภัยมาด้วยคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไป อาก๋งของคุณสุเทพหลบหนีไปนครปฐม ส่วนคนอื่นก็มีไปอยู่กำแพงเพชรบ้าง ลำพูนบ้าง นครสวรรค์บ้าง แล้วตอนหลังก็ได้สัญชาติไทย เมื่อสมัยร้อยกว่าปีที่แล้ว ส่วนการเป็นทายาทฝั่งไหนของจักรพรรดินั้นยังไม่ทราบ ต้องไปสืบถามจากกระทรวงวัฒนธรรมจีนและนักชำระประวัติศาสตร์จีน
ทำไมถึงอยากส่งกลับจีน
คุณสุเทพกล่าวว่า
“ก็ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร จะขายอย่างเดียว เราไม่รู้ก็ส่งไป พอดีเค้าบอกว่าของที่ส่งไปมันเป็นของจักรพรรดิ ผู้ที่ถือครองต้องเป็นทายาทเท่านั้น ก็เลยขอดูรูปก๋งผม ผมก็ส่งรูปก๋งผมไป เขาก็ให้ทีมนักประวัติศาสตร์ไปค้น ปรากฎว่าก๋งผม น่าจะเป็นทายาทจักรพรรดิ”
ส่วนคุณใหญ่เสริมว่า
“เราบอกไม่ต้องเอาหรอกตัง ให้เค้าไป คืนแผ่นดินเค้า เค้าจะเมตตาอย่างไรค่อยว่ากัน ตรงนี้เราคิดว่า น่าจะสร้างสัมพันธไมตรีต่อประเทศจีนดีกว่า คือคืนให้แผ่นดินจีนเค้าไป ทางจีนก็ตื่นเต้นมากเลยว่า เราต้องการที่จะคืนสมบัติให้กับทางจีน”
ได้อะไรจากการส่งคืนให้กับจีนบ้าง และจีนมีท่าทีอย่างไรต่อการค้นพบนี้
คุณสุเทพกล่าวว่า
“เค้าก็มีน้ำใจให้เรา ให้เราถือสัญชาติจีน จะให้ผมเป็นวีรบุรุษอะไรประมาณนี้ ถามว่ารัฐบาลจีนดีใจไหมที่ได้รับ เค้าบอกว่าดีใจมาก เรารอมาร้อยกว่าปีแล้ว เราเพิ่งเจอของแท้ ทางจีนเค้าก็จะให้ผมถือหุ้น เค้าบอกว่าเค้าจะเปิดอุทยานแล้วก็เปิดพิพิธภัณฑ์ทุกมณฑลเลยไง แล้วก็ให้ผมถือหุ้นด้วยตลอดไป เค้าจะประกาศว่าผมเป็นวีรบุรุษ ไปรับเครื่องราชย์จากประธานาธิบดีด้วย เค้าบอกมางี้”
รู้สึกอย่างไรบ้างที่เขายกย่องเราเป็นฮีโร่
ผมก็ดีใจ ยินดี แล้วแต่ทางจีนท่านจะเมตตา ผมเองก็เพิ่งมารู้เมื่อเดือนตุลานี่เอง ว่าก๋งผมเป็นทายาทจักรพรรดิ เพิ่งมารู้เมื่อเดือนตุลานี่เองฮะ
ส่วนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของการอพยพ ที่มาของสมบัติสมัยมาจากสมัยไหนกันแน่และอาก๋งแป๊ะโป้ย แซ่เจี่ยเป็นทายาทฝั่งไหนของจักรพรรดินั้น ยังไม่อาจทราบได้อย่างแน่ชัด จึงต้องติดตามต่อไปจาการสอบถามนักชำระประวัติศาสตร์จีน และเร็วๆนี้อาจจะได้เปิดตัวการค้นพบนี้อีกครั้งในประเทศจีน
ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การค้นพบนี้สามารถสร้างสัมพันธ์ไทยจีนได้เหนียวแน่นมากขึ้น ในด้านของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ที่จะเป็นจิ๊กซอเชื่อมต่อเรื่องราวในอดีตของจีนให้เด่นชัดขึ้น