svasdssvasds

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร คำพูดนี้จริงหรือเปล่าจะเทียบการแข่งขันฟุตบอลกับประวัติศาสตร์ได้หรือต้องไปดู

SHORT CUT

  • ศึกลูกหนังยูโรคู่ที่น่าจับตา คือการโคจรกลับมาเจอกันระหว่าง อังกฤษและสเปน ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2024
  • การฟาดแข้งของ 2 ชาติในสนามฟุตบอลว่าร้อนแรงแล้ว แต่ในความเป็นจริงหากย้อนประวัติศาสตร์พวกเขานั้นฟาดฟันกันอย่างดุเดือดยิ่งกว่าในสนามฟุตบอลเสียอีก
  • ยุทธการที่น่าจดจำคือการที่กองเรืออาร์มาดา ของสเปนที่ตอนนั้นถือว่าเป็นกองเรือที่ยิ่งใหญ่ ยกทัพบุกอังกฤษและพ่ายแพ้ นำไปสู่จุดสิ้นสุดของการเป็นเจ้าแห่งท้องทะเลของสเปนและอังกฤษขึ้นมาแทน

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร คำพูดนี้จริงหรือเปล่าจะเทียบการแข่งขันฟุตบอลกับประวัติศาสตร์ได้หรือต้องไปดู

ศึกลูกหนังยูโรคู่ที่น่าจับตา คือการโคจรกลับมาเจอกันระหว่าง อังกฤษและสเปน ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2024

เรียกได้ว่าเป็นแมตช์หยุดโลกที่มีทั้งกองเชียร์กองแช่งของแต่ละฝ่ายลุ้นตัวเกร็งไปตามกัน

การฟาดแข้งของ 2 ชาติในสนามฟุตบอลว่าร้อนแรงแล้ว แต่ในความเป็นจริงหากย้อนประวัติศาสตร์พวกเขานั้นฟาดฟันกันอย่างดุเดือดยิ่งกว่าในสนามฟุตบอลเสียอีก

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

ยุทธการที่เป็นกล่าวขานและน่าจดจำคือการที่กองเรืออาร์มาดา ของสเปนที่ตอนนั้นถือว่าเป็นกองเรือที่ยิ่งใหญ่อันดับต้นๆ ยกทัพไปบุกอังกฤษ ทั้งๆ ที่บุกไปฟาดเขาถึงถิ่นแล้ว กะจะชนะคาบ้านเขา แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับมา

จุดเปลี่ยนของสงครามครั้งนี้นำไปสู่จุดตกต่ำของกองทัพเรือสเปน ในทางกลับกันกองทัพเรืออังกฤษได้ผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่ และในเวลาต่อมากลายเป็นกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

เรียกได้ว่าสิ่งที่สเปนทำเป็นการบุกไปสับอังกฤษแต่แพ้ยับกลับมา และต้องเสียกองเรืออาร์มาดาที่ยิ่งใหญ่ไป

 

สเปนในยุคกระทิงดุแห่งท้องทะเล

พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ถือได้ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของสเปนและของโลกด้วย เพราะพระองค์มีพระราชอำนาจอย่างมากในสมัยนั้น

จักรวรรดิสเปนในรัชสมัยของพระองค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่อันประกอบไปด้วยดินแดนหลายส่วนในโลกทั้งใน ยุโรป อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย โดยเฉพาะทวียุโรปที่ถือเป็นศูนย์กลางอำนาจของโลก พระองค์ครอบครองทั่วดินแดนที่เป็น สเปน โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

เรียกได้ว่าพระองค์ทรงมั่นใจในพระราชอำนาจมาก และมั่นใจในตัวเองสูง บวกกับกองทัพเรือสเปน ณ ขณะนั้นยิ่งใหญ่มาก เรียกได้ว่าเป็นกระทิงดุที่พร้อมจะไล่ขวิดทุกคนที่ขวางหน้า

ขณะเดียวกันพระองค์ทรงดำเนินนโยบายทางการเมืองและศาสนาควบคู่กันไปโดยตลอด ทรงขยายอำนาจทางการเมืองของสเปน และปราบปรามพวกโปรเตสแตนต์อย่างจริงจัง เห็นได้จากปราบโปรเตสแตนต์ในเนเธอร์แลนด์ดินแดนของพระองค์เอง เพราะมองว่าคนพวกนี้นับถือศาสนาที่แตกต่างไปจากคาทอลิกที่พระองค์นับถือ

สิงโตคำรามในยุคผู้นำคือสตรี

แต่เมื่อข้ามทะเลมาอีกฟากหนึ่งบนเกาะอังกฤษ พึ่งจะผ่านเหตุการณ์จากการเมืองภายในที่เป็นปัญหามานาน เพราะปัญหาเรื่องการนับถือศาสนาคริสต์ต่างนิกายเป็นปัญหาที่ลามไปทั่วยุโรป

อังกฤษเองได้ผ่านยุคของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ผู้ซึ่งได้ทำการฟื้นฟูอิทธิพลของนิกายโรมันคาทอลิกในอังกฤษ และปราบปรามโปรเตสแตนต์นอกจากนี้พระนางยังเป็นพระมเหสีในพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ทำให้พระนางเอลิซาเบทได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระนางแมรี

แต่พระนางเอลิซาเบท 1 ทรงเป็นโปรเตสแตนต์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้พระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 ทรงไม่พอพระทัยที่อังกฤษจะกลายไปเป็นพวกโปรเตสแตนต์ พระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 จึงทรงตัดสินพระทัยให้สร้างกองเรืออาร์มาดาขึ้นเพื่อทำการบุกอังกฤษ

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

อังกฤษเกมไวเน้นรับสับทีเดียว

แต่ใช่ว่าอังกฤษจะไม่รู้ข่าว และปล่อยให้สเปนบุกมาเฉยๆ เพราะอังกฤษภายใต้การนำของ ฟรานซิส เดรกการชิงบุกก่อนที่ทัพเรืออาร์มาดาจะเคลื่อนขบวน เรียกได้ว่าเปิดก่อนได้เปรียบ

กองทัพเรือของอังกฤษยกกองทัพไปทำลายเสบียงและสัมภาระของทัพเรืออาร์มาดาเสียหายหลายพันตันและยึดแหลมวินเซนต์กับอ่าวลิสบอนไว้ชั่วคราว เรียกได้ว่าเกมอังกฤษชิงนำไปก่อน 1 ต่อ 0 จังหวะแรกเป็นจังหวะรุกเพื่อตัดเสบียง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1588 สเปนจัดทัพเรืออาร์มาดาขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ ประกอบด้วยเรือ 350 ลำจากสเปน 80 ลำจากเวนิสและเจนัวอิตาลี ทหาร 12,000 คน จากการสนับสนุนของอิตาลี และสมเด็จพระสันตะปาปาในฐานะที่รบเพื่อโรมันคาทอลิก (สำนักวาติกัน) เพิ่มเติมอีก 6,000 คน จากการสนับสนุนของพ่อค้าสเปนอีก 12,000 คน และที่ขุนนางสเปนช่วยกันสมทบ รวมแล้วมีเรือรวมเรือรบและเรือเสบียง 450 ลำ กับทหารและลูกเรืออีก 30,000 คน

โดยการนำท่านดยุคแห่งปาร์มา และ สิโดเนียดยุคแห่งเมดินา เป็นผู้บังคับบัญชากองเรือในขณะนั้น บางเอกสารระบุว่าทัพเรือสเปนมีเรือรบขนาดใหญ่ประสิทธิภาพสูง บรรทุกลูกเรือ 20,000 คน แล่นออกจากสเปนแล้วขึ้นไปรับทหารอีก 17,000 คน ของดยุคแห่งปาร์มาที่เนเธอร์แลนด์ โดยมีสิโดเนียดยุคแห่งเมดินาเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองเรืออาร์มาดาทั้งหมด

กองเรือสเปน ณ ขณะนั้นถือว่าเป็นกองเรือที่มีสปอนเซอร์รายใหญ่ ทุนหนา กำลังพลพร้อมยิ่งใหญ่กว่าอังกฤษหลายเท่าตัว

กระทิงดุบุกไปพ่ายสิงโตคำราม อาร์มาดาล่มสลาย

วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1588 กองเรืออาร์มาดาแล่นออกจากท่าลิสบอน ซึ่งในวันที่ 31 กรกฎาคม ทัพเรือทั้งสองปะทะกันเป็นครั้งแรก โดยกองทัพเรืออังกฤษไล่ตีสเปนไปไปตามช่องแคบและสามารถยึดเรือสเปนได้สองลำ เรียกได้ว่าอังกฤษยิงนำไปอีกลูก เป็น 2 ต่อ 0

ต่อมาในวันที่ 7 สิงหาคม ทัพเรืออังกฤษ และ กองเรืออาร์มาดาได้ต่อสู้กัน แต่เรืออังกฤษทำการบรรทุกเชื้อเพลิงไว้แล้วเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานจากนั้นจุดเพลิงเผาให้วอดแล้วพุ่งชนกองเรือของสเปน ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นและกองเรือของสเปนเกิดความหวาดกลัว ทำให้กองเรือของสเปนต่างถ่อยร้นทำให้กองเรือสเปนแตกพ่าย นำไปสู่จุดจบของกองเรืออาร์มาดาของสเปนที่ถูกอังกฤษใช้เพลิงผลาญ

บุกไปสับแต่แพ้ยับกลับมา อาร์มาดา อังกฤษ VS สเปน ทำนายชัดเจนกระทิงดุแพ้ยูโร

ถ้าเป็นฟุตบอลเรียกว่าจบแบบ 3-0 พูลสวัสดิ์ และมองในแง่แผนสถิติระหว่างแข่งขันคือสเปนบุกก่อนบุกใหญ่แต่ยิงไม่เข้า แต่อังกฤษเน้นรับ และซัดกลับทีเดียวนำไปสู่การพิชิตศึกในครั้งนี้โดยสิงโตคำรามสามารถคว่ำกระทิงดุลงไปได้

ปิดตำนานกระทิงดุสู่การก้าวสู่เจ้าแห่งท้องทะเลของสิงโตคำราม

ภายหลังการพ่ายแพ้ต่ออังกฤษเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของจักรวรรดิสเปนเพราะจักรวรรดิสเปนเองเสียทรัพย์สินจากการทำสงครามไปเป็นจำนวนมากและยังพ่ายแพ้สงคราม

ทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และไม่สามารถฟื้นฟูกองเรือที่เคยยิ่งใหญ่อย่างกองเรืออาร์มาดาได้ ในที่สุดต้องลดบทบาทเจ้าแห่งท้องทะเลลง เปิดทางให้อังกฤษขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแห่งท้องทะเลแทน

รัชสมัยของพระนางอลิซาเบธ ที่ 1 ถือว่าเป็นยุคทอง เนื่องจากเป็นยุคที่อังกฤษขยายแสนยานุภาพไปทั่วโลก ในยุคสมัยนี้ ได้มีชาวอังกฤษผู้โด่งดังในสาขาวิชาต่าง ๆ มากมาย เช่น กวีชื่อก้องโลก วิลเลียม เชกสเปียร์ "คริสโตเฟอร์ มาโลว์" และ "จอห์น เบ็นสัน" ก็ได้มีเริ่มมีชื่อเสียงในยุคนี้ ฟรานซิส เดรก ได้เป็นชาวอังกฤษคนแรกที่เป็นนักเดินเรือสำรวจรอบโลก "ฟรานซิส เบคอน" ได้เสนอความคิดทางปรัญชาและทางการเมือง "เซอร์ วอลเตอร์ ราเลย์" และ "เซอร์ ฮัมเฟรย์ กิลเบิร์ต" ได้สร้างอาณานิคมของอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือ ขณะที่กระทิงดุของเรานั้นไม่อาจหวนมาเป็นเจ้าแห่งท้องทะเลได้อีกเลย

อ้างอิง

SilpaMag / อัศวัตถามา /

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related