SHORT CUT
การประชันวิสัยทัศน์ของผู้ท้าชิงปธน.สหรัฐฯ ครั้งแรก "กมลา แฮร์ริส" ตัวแทนท้าชิงประธานาธิบดีจากแดโมแครต และ "โดนัลด์ ทรัมป์" อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้ท้าชิงจากรีพับลิกัน ถกประเด็นเดือดถึงเรื่องการทำแท้ง - อาชญากรรม - ผู้อพยพ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า กมลา แฮร์ริส ตัวแทนท้าชิงประธานาธิบดีจากแดโมแครต เป็นฝ่ายโยนเหยื่อหลอกล่อตลอดเกือบ 1 ชั่วโมง 45 นาทีของการแสดงวิสัยทัศน์ผู้นำ ที่จัดโดยสำนักข่าว ABC อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ท้าชิงจากรีพับลิกัน แม้จะเป็นฝ่ายโดนหลอกให้กระโดดงับเหยื่อแต่ทรัมป์ก็กัดทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีถอย
ในหลายช่วงของการดีเบตที่แฮร์ริสบอกทรัมป์ว่า บรรดาผู้นำโลกกำลังหัวเราะเยาะเขา และบรรดาผู้นำกองทัพก็เรียกเขาว่าเป็น "ความอับอายขายขี้หน้า" เธอยังบอกว่าทรัมป์นั้นอ่อนแอและทำผิด และทรัมป์ยังถูกยิงโดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 81 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนของคนที่โหวตให้โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020
มีหลายครั้งที่ทรัมป์แสดงออกว่าไม่พอใจ และมีหลายช่วงที่เขาย้ำเสียงดังถึงเรื่องการทุจริตเลือกตั้งปี 2020 ซึ่งทำให้เขาแพ้การเลือกตั้ง และยังมีการพูดถึงทฤษฎีสมคบคิดแปลกๆ อย่างกรณีผู้อพยพนำสัตว์เลี้ยงไปรับประทาน หรือพูดไม่จริงเกี่ยวกับการสนับสนุนการทำแท้งของพรรคแดโมแครต
ในตอนแฮร์ริสและทรัมป์เดินขึ้นบนเวที ซึ่งจัดขึ้นที่ฟิลาเดเฟีย นี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองคนพบกันแบบตัวต่อตัว โดยแฮร์ริสได้เดินข้ามเวทีไปหาทรัมป์เพื่อจับมือ และแนะนำตัวเอง ก่อนจะเริ่มพูดด้วยคำว่า มามีการดีเบตที่ดีด้วยกันเถอะ ส่วนทรัมป์ก็ตอบกลับไปว่า ยินดีที่ได้พบ
ส่วนภาษากายของทั้งสองฝ่าย ทรัมป์จะมองจ้องตรงไปข้างหน้าเมื่อตอนที่แฮร์ริสพูด ในขณะที่แฮร์ริสจะสื่อสารผ่านการแสดงทางสีหน้าด้วย และเธอมักจะหัวเราะออกมาเมื่อตอนที่ทรัมป์แสดงความคิดเห็นอะไรบางอย่าง เช่น กรณีทรัมป์พูดถึงเรื่องผู้อพยพชาวเฮติกินสัตว์เลี้ยงของประชาชนในรัฐโอไอโอเข้าไป
ตลอดการดีเบต แฮร์ริสพยายามแนะนำตัวกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ในฐานะที่เธอเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวอเมริกันชนชั้นกลาง โดยเธอพยายามสื่อสารกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเมื่อตอนที่พูดถึงประเด็นเศรษฐกิจ ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้มีแผนการใดๆ ไว้ให้พวกคุณเลย เพราะว่าเขาสนใจแต่เรื่องปกป้องตัวเขาเอง มากกว่าการจะไปดูแลพวกคุณ
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันยังบอกด้วยว่า ฉันจะบอกอะไรให้ มีสิ่งหนึ่งที่พวกคุณจะไม่ได้ยินเขาพูดถึงก็คือประเด็นเกี่ยวกับพวกคุณเอง และฉันจะขอบอกว่า ฉันเชื่อว่าพวกคุณสมควรมีประธานาธิบดีที่เขาจะให้ความสำคัญกับพวกคุณก่อน
กรณีผู้อพยพชาวเฮตินั้น ผู้ดำเนินรายการของ ABC เดวิด มิวเออร์ ได้ชี้ว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีผู้อพยพคนใดในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไอโอรับประทานสัตว์เลี้ยง แต่ทรัมป์ก็ตอบโต้ว่า พวกคนในโทรทัศน์เขาบอกกันมาแบบนี้ และยังทิ้งท้ายด้วยว่า เดี๋ยวเราก็รู้ว่าจริงมั้ย
เมื่อการดีเบตเปลี่ยนประเด็นไปยังปัญหาอาชญากรรม ทรัมป์อ้างว่า ปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นอย่างมากในสหรัฐฯ สวนทางกับพื้นที่อื่นของโลก แต่พิธีกรก็ชี้ว่า ตามข้อมูลของ FBI ปัญหาอาชญากรรมลดลงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทรัมป์ตอบโต้กลับไปอีกว่า มีทฤษฎีสมคบคิดหนึ่งที่บอกว่า FBI มีการคอร์รัปชันอย่างหนัก และฉ้อโกงด้วย
ในตอนท้าย ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ นั้นมันยุ่งเหยิงมาก และอ้างว่าพรรคแดโมแครตพยายามเอาผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารมาลงคะแนนให้ในการเลือกตั้ง
การทำแท้งกลายเป็นประเด็นหลักบนเวทีครั้งนี้ที่ถกเถียงกันอย่างหนัก เพราะทรัมป์คืออดีตประธานาธิบดีที่แต่งตั้งผู้พิพากษาของศาลสูงสุด 3 คน ซึ่งตัดสินคว่ำคำตัดสินของคดี Roe V. Wade และทำให้การทำแท้งก่อนอายุครรภ์ 6 สัปดาห์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์พยายามปกป้องคำตัดสินดังกล่าว และชี้ว่า เขาเองสนับสนุนถ้าหากเป็นการทำแท้งที่เกิดจากการข่มขืน การร่วมประเวณีกับญาติใกล้ชิดและต้องทำเนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้เป็นแม่
ทรัมป์ยังกล่าวหาว่า บางรัฐอนุญาตให้การทำแท้งเกิดขึ้นได้ ทั้งที่เด็กคลอดแล้วด้วยซ้ำ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ต้องมีการเรียกร้องขอให้เช็กข้อเท็จจริงทันที โดยลินเซย์ เดวิด นักข่าวของ ABC News ยืนยันว่า ไม่มีรัฐใดในสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้การฆ่าทารกหลังเกิดแล้วเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
ส่วนแฮร์ริสตอบโต้เรื่องนี้ด้วยการชี้ไปที่กรณีผู้หญิงท้องเพราะเป็นเหยื่อการข่มขืน หรือว่ามีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ โดยแฮร์ริสบอกว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ก็อยากจะตั้งครรภ์ให้ครบกำหนด แต่บางคนก็มีปัญหาในการตั้งครรภ์ แต่เธอกลับถูกปฏิเสธไม่ได้รับการรักษาจากห้องฉุกเฉิน เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกรงว่า พวกเขาจะถูกจับขังคุก
รับชมเพิ่มเติม