svasdssvasds

ภูมิธรรม ชี้ "ชาญ" หยุดปฎิบัติหน้าที่ รอให้ศาลสั่ง ไม่ใช่แค่ความเห็นกฤษฎีกา

ภูมิธรรม ชี้ "ชาญ" หยุดปฎิบัติหน้าที่ รอให้ศาลสั่ง ไม่ใช่แค่ความเห็นกฤษฎีกา

"ภูมิธรรม" ชี้ "ชาญ" หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องรอให้ศาลสั่ง ไม่ใช่เป็นอัตโนมัติตามความเห็นกฤษฎีกา​ เชื่อตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินทุกคนบริสุทธิ์​

จากกรณีที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี โดยเฉือนชนะคะแนน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 สำเร็จ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะเป็นผู้พิจารณา รับรองผลการเลือกตั้ง ก่อนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวได้อย่างเป็นทางการ

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ถ้านายชาญ ได้รับการรับรองจาก กกต. ก็อาจจะยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง นายกอบจ.ปทุมธานีได้ เนื่องจากนายชาญ ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกอบจ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพในปี พ.ศ.2555 โดยในปัจจุบัน ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 1 ได้มีคำสั่งประทับฟ้อง และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ

ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ศาลอาญาฯ ได้มีคำสั่งประทับฟ้องนายชาญ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง นายกอบจ.ปทุมธานี ก็ตาม แต่ล่าสุดเมื่อนายชาญได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2561 

 

ด้านนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีคดีติดค้างของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี หรือนายก อบจ.ปทุมธานี ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบ ประทับรับฟ้องคดีการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมเมื่อปี 2555 และมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่แล้วว่า หากนายชาญ เข้าปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เมื่อใด ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เมื่อนั้น แต่หากนายชาญ ต้องการจะโต้แย้งคำสั่ง ก็ต้องไปดำเนินการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หรือ สถ. ที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลการเข้าสู่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะมีอำนาจ ออกคำสั่งดำเนินการต่อไป  

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังอธิบายสาเหตุกรณีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ทุกกรณีว่า เนื่องจาก กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูล และศาลฯ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งในระหว่างนั้นหากพ้นตำแหน่ง และได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ ก็ยังคงจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงในคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกรณีของนายชาญ ก็จะเข้าเงื่อนไขดังกล่าวโดยอัตโนมัติ

"เรืองไกร" ร้อง “อนุทิน” ตรวจสอบ "ชาญ" ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวอิสระสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ช่วงนี้ว่างงานจึงมีเวลาตรวจสอบหลายเรื่อง เช่น การสรรหา สว. ส่อโมฆะเพราะขัดรัฐธรรมนูญ , การตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม ส่อขัดกฎหมาย , โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ส่อขัดรับธรรมนูญและกฎหมาย ล่าสุดก็มาพบเรื่องใหม่ที่ต้องร้องขอให้มีการตรวจสอบโดยเร็ว คือการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี ที่เพิ่งประกาศผลไป ซึ่งผู้ที่ชนะการเลือกตั้งคือ นายชาญ พวงเพ็ชร์ แต่ตามข่าวพบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และยังมีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ให้ผู้กำกับดูแลผู้บริหารท้องถิ่น ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อศาลประทับรับฟ้องคดีทุจริต

ดังนั้นกรณีการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ปทุมธานี จึงมีเหตุอันควรขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รีบทำการตรวจสอบว่าผู้กำกับดูแลยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายอย่างเคร่งครัด หรือไม่ โดยวันนี้ ตนจึงส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

"ภูมิธรรม" ชี้ "ชาญ" หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องรอให้ศาลสั่ง

นาย​ภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย ​รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์​ กล่าวถึงกรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ หลังได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี แต่มีการขุดประวัติว่า กำลังอยู่ระหว่างถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริต และศาลฯประทับรับฟังแล้ว ซึ่งตามกฎหมายต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตอนที่ ป.ป.ช.ร้องนายชาญ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส่วนความเห็นกฤษฎีกา ที่บอกว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ เป็นความคิดเห็นทางกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัตินายชาญ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องให้ศาลเป็นคนสั่ง ไม่ใช่เป็นไปตามอัตโนมัติ ตามที่กังวลใจกันอยู่

เพราะตอนนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ นายชาญยังมีสิทธิ์ เนื่องจากตอนมาสมัครก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย และปัจจุบันก็ไม่มีข้อบังคับใดมาห้าม

วันนี้เป็นแค่การประทับรับฟ้อง และเป็นกระบวนการให้มีสิทธิ์ต่อสู้ เรื่องนี้ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมอง แต่ทางกฎหมายเป็นแบบนั้น

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยทราบเรื่องนี้ก่อน ที่จะส่งนายชาญ ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า ฝ่ายที่คัดเลือกน่าจะพิจารณาไตร่ตรองดีแล้ว แต่ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้เข้าไปอยู่ในพรรคมาก 

ส่วนหากนายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำให้ต้องยืดการทำงานส่งผลต่อชาวปทุมธานีหรือไม่นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่าศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เรื่องนี้เป็นการจินตนาการ ต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ก่อน ปัญหาตอนนี้คือคนจินตนาการไปก่อน ก่อนที่ศาลจะพิจารณาเสร็จ เมื่อดุลพินิจเห็นเป็นอย่างไร ก็ค่อยดำเนินการตามนั้น

ทั้งนี้ นาย​ภูมิธรรม​ ยังมองว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ที่หลังเลือกตั้งแล้วจะมีการวิจารณ์ ไม่ต้องไปโทษใคร หรือคิดว่าใครมากลั่นแกล้ง เพราะถ้าเรายึดกฎหมายยึดกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เมื่อถามว่า ความเห็นของกฤษฎีกา ยังเชื่อถือไม่ได้หรือใช่หรือไม่ นายภูมิ​ธรรม กล่าวว่า ความเห็นของกฤษฎีกา เกิดขึ้นในยุคสมัยหนึ่ง และไม่ครบถ้วน เพราะนายชาญ ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากตอนนั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว กกต.ก็ไม่ได้บอกว่าขาดคุณ​สมบัติ​ เพราะยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด เราอย่าไปวินิจฉัยแทน เราก็เชื่อใจในความบริสุทธิ์ของทุกคน ตราบใดที่ยังไม่ถูกตัดสิน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related