ผู้สมัคร สว. รวมตัวยื่น กกต. คัดค้านประกาศ 200 รายชื่อ ชี้มีหลักฐานที่พบพิรุธ ถ้าผิดจริงขอให้การเลือกเป็นโมฆะ แล้วเลือกใหม่ทันที พร้อมขู่ กกต. เพิกเฉย ร้องศาลฎีกา-เอาผิด ม.157
นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 พร้อมผู้สมัคร สว. อีกหลายคนที่ได้รับความเสียหายจากการเลือก สว. เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอคัดค้านการประกาศรายชื่อ สว.ระดับประเทศ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง เนื่องจากมีประจักษ์พยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ พบการลงคะแนนที่มีความผิดปกติ ลงคะแนนให้กันเป็นชุดๆ เลขเรียงกันหลายครั้ง ทำให้มีคะแนนสูงผิดปกติ เมื่อเทียบกับทั่วไป และบล็อคคะแนนไม่ให้บุคคลเป้าหมาย ผ่านรอบแรกได้ โดยการโจมตีปล่อยข่าวเท็จก่อนลงคะแนน ทำให้บัตรเสีย หรือมีการซื้อคะแนนแลกคะแนน
ดังนั้น การที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ครบถ้วนก่อนเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ถ้ามีผู้สมัคร คุณสมบัติไม่ถูกต้อง หลุดเข้ามาแม้แต่ 1 คน จะทำให้คะแนนระดับอำเภอในรอบแรก มีความเบี่ยงแบนและผิดพลาดทันที ยิ่งเข้ารอบลึก ก็ยิ่งมีความผิดพลาดมาตามลำดับ การที่ กกต.จะรับรอง ผู้ที่ผ่านการเลือกรอบประเทศ 200 คนไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง จึงเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนกรณีถ้าพบผู้สมัคร สว. คุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดจะทำอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ระบุชัดเจนว่า กกต. ต้องทบทวน จัดการปัญหา หรือยกเลิกแล้วจัดตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต. ประกาศรับรองแล้วไปสอยที่หลังจะสร้างปัญหามาก เพราะผู้สมัครบางคนไม่ถือว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมกับคนอื่น
แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ ก็ให้จัดเลือกในระดับประเทศไปก่อน ให้ได้ สว. 200 คน แล้วค่อยอุดช่องว่าง หรือรอครบเทอมแล้วเลือกใหม่ โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไข 6 ข้อที่ได้เรียกร้อง
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากที่เคยร้องไปก่อนหน้านี้ โดยตนได้ยื่นคัดค้านการประกาศรับรอง สว. 200 รายชื่อ ซึ่งรวมถึงตัวเองด้วย เพราะพบสิ่งผิดปกติระหว่างการลงคะแนน โดยเฉพาะรอบไขว้ หรือรอบสุดท้าย ที่มีการลงคะแนนเป็นชุด จึงอยากให้ กกต. ใช้ตามอำนาจมาตรา 59 เปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยนับ ซึ่งหากมีการนับคะแนนทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ของการเลือกเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ผลที่ปรากฎจะสะท้อนว่าสิ่งที่พวกเราพูดเป็นความจริง เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้า กกต.ไม่ดำเนินการ ก็จะอาศัยองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่าบังคับ
พร้อมย้ำว่า เรื่องของผลประโยชน์ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน แต่ยืนยันว่ามีหลักฐาน และได้ฟังมาว่าได้มีการสัญญากัน ว่าถ้าใครได้เป็น สว.เขียนใบลาออกไว้ให้ก่อนด้วย หรือคนแวดล้อม สว.ให้เป็นคนของอีกฝ่าย หรือ มาสเตอร์มาย (ผู้อยู่เบื้องหลัง) เป็นคนบริหารจัดการ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ส่งผลร้ายแรงต่อประเทศชาติ แต่ถ้า กกต. ดื้อดึงประกาศรับรองรายชื่อ สว. ก็จะไปยื่นต่อศาลฎีกา และอาจมีเรื่องมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนถ้าพบผู้สมัคร สว.ที่ขาดคุณสมบัติ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตอนนี้ขอทำเรื่องที่เป็นภาพรวมทั้งระบบก่อน ส่วนการเอาผิดรายบุคคล ถือว่ามีจำนวนมาก ข้อมูลเยอะ อาจต้องใช้เวลาสืบสวน แต่ตนไม่เลิกราแน่
ขณะที่ นายพานิชย์ เจริญเผ่า ผู้สมัคร สว. จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มที่ 17 ที่ผ่านเข้ารอบการคัดเลือกระดับจังหวัด แต่สละสิทธิ์ไม่ไปรับเลือก ยื่นหนังสือร้อง กกต. ขอให้การเลือก สว. ครั้งนี้เป็นโมฆะ และขอให้ไม่รับรอง นายชินโชติ หรือนายประเทือง แสงสังข์ (จ.สมุทรปราการ) ผู้ได้รับเลือกเป็น สว. ในกลุ่มที่ 7 และขอให้ดำเนินคดีกับนายชินโชติ หรือนายประเทือง แสงสังข์ ในการนำเอกสาร และใช้เอกสารวุฒิการศึกษาปลอม ลงสมัคร สว. โดย กกต. สามารถตรวจสอบประวัติได้ไม่ยาก และใช้อำนาจหน้าที่เรียกมาสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป แต่หาก กกต. ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ตนต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กกต. ทั้ง 7 คน ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง