"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" กลับเข้าสภา ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญไม่ฟันขาดคุณสมบัติ สส. จากกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี รับเสียดายโอกาส 6 เดือน ลั่นรอบหน้าถ้าออกจากสภาอีก จะไปทำเนียบ
วันที่ 25 มกราคม 2567 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยวานนี้ (24 ม.ค.) กรณี "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่อการถือหุ้นไอทีวี โดยไม่ขาดคุณสมบัติภาพการเป็น สส. ตามรัฐธรรมนูญ
นายพิธา ระบุว่า เป็นไออุ่นที่คุ้นเคย และเป็นเวลา 6 เดือน ที่ไม่ได้มีโอกาสมาที่รัฐสภา จึงรู้สึกคิดถึงบรรยากาศที่รัฐสภา โดยจะใช้เวลาพูดคุยกับ สส.ภายในสภา และทักทายกันให้หายคิดถึง พร้อมยอมรับว่า รู้สึกเสียเวลา 6 เดือน ที่ถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีโอกาสในการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ระหว่างนั้นตนเอง ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน โดยจะใช้ข้อมูลที่ได้มา อภิปรายที่สภาฯ ในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องขยะ
ซึ่งการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 26 ม.ค. ตนจะใช้เวลาในการหารือเพื่ออภิปรายเรื่องขยะ หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และจะแถลงแผนการทำงานของพรรคในปีนี้ เพื่อให้ประชาชนและสมาชิกมีส่วนร่วม
ส่วนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคหลังจากที่ตนถูกยุติปฏิบัติหน้าที่นั้น ส่วนตัวยอมรับความผิดพลาดด้วยความเสียใจ และต้องขอโทษประชาชน แต่ตนเองต้องให้บทบาทกับนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคฯ คนปัจจุบัน และคอยให้คำปรึกษาแก่นายชัยธวัช เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น และจะเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และเชื่อว่า ประชาชนจะสัมผัสถึงความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคก้าวไกล
นายพิธา ยังเปิดเผยถึงโอกาสการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จะต้องเป็นไปตามกระบวนการประชุมวิสามัญของพรรค ในช่วงเดือน เม.ย. และส่วนตัวก็ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และนายชัยธวัช ก็สามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค ซึ่งเราทั้งคู่ ก็ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเลื่อนการประชุมวิสามัญของพรรคให้เร็วขึ้น และเดือน เม.ย. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซอฟต์พาวเวอร์ และแลนด์บริดจ์ ซึ่งหลายเรื่องที่พรรคก้าวไกลเห็นตรงกัน และหลายเรื่องที่จะต้องพูดคุยกัน เพื่อมองในมุมกว้าง มุมลึก เช่น โครงการแลด์บริดจ์ หากมีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ หรือแย่งส่วนแบ่งการตลาดการเดินเรือ ก็จะต้องพิจารณาทางลือก และลงรายละเอียดทั้งเชิงจุลภาค และมหภาค
ส่วนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ยอมรับว่า ประชาชนเดือดร้อนพอสมควร เศรษฐกิจโตช้า ซบเซาเป็นเวลานานในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นปัญหามาจากการเมืองไทย และกังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยใช้งบประมาณระยะยาว ไม่ใช่หนทางที่เหมาะสม จึงขอให้รัฐบาลเตรียมแผนสำรอง
กรณีนโยบายหาเสียงไม่ผ่าน และลองพิจารณากระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากของประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องแจกเงินจากบนลงล่างสู่ประชาชน แต่หากนโยบายโครงการเล็ก ๆ ของประชาชน ก็อาจเป็นพลังระเบิดออกมาเป็นพลังเศรษฐกิจที่ดี ประหยัดงบประมาณไม่ต้องสร้างภาระทางการคลังได้เช่นกัน
คดีการดำเนินนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่รอศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยในสัปดาห์หน้า ที่อาจเป็นหัวเชื้อนำไปสู่อุบัติเหตุของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า ความรู้สึกเป็นเหมือนคดีไอทีวี ที่พรรค สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดควบคุมได้ หรือไม่ได้ แต่สิ่งที่พรรคควบคุมได้ ก็ได้ดำเนินการเต็มที่แล้ว และมีความมั่นใจในคดี
ส่วนเรื่องการเตรียมการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านนั้น ได้ติดตามข้อมูลต่อเนื่องผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยจะเน้นความประพฤติมิชอบ การคอร์รัปชัน และความล้มเหลวในการใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยจะทยอยรวบรวมข้อมูล และพิจารณาอีกครั้งว่า จะเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ เป็นแนวรบทั่วไป แต่ยืนยันว่า การทำงานของฝ่ายค้าน ไม่ได้จ้องล้มรัฐบาลเป็นอย่างเดียว แต่จะต้องยึดประโยชน์ประเทศ และภาษีประชาชน
การกลับมาทำหน้าที่ สส.ของนายพิธานั้น ทันทีที่ลงจากรถ ก็มีมวลชนที่มาติดต่อราชการที่รัฐสภา มารอให้กำลังใจ รวมถึงยังมีเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล มารอต้อนรับสู่การกลับมาทำหน้าที่ และมีเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงนักศึกษาที่มาฝึกงานที่รัฐสภา มารอติดตามการกลับมาปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธาด้วย ก่อนที่นายพิธา จะขึ้นสู่ห้องประชุม เพื่อลงชื่อเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า เนคไทด์สีฟ้า ที่นายพิธา สวมใส่ในวันนี้ เป็นเส้นเดียวกันกับเนคไทด์ที่นายพิธา สวมใส่ในวันที่มาปฏิบัติหน้าที่ สส. เป็นวันสุดท้าย ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้นายพิธายุติการปฏิบัติหน้าที่
ก่อนที่นายพิธาจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า เข้าสภาฯ รอบนี้ ไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวติดตลกว่า “ถ้าจะออก ก็ออกไปทำเนียบรัฐบาลอย่างเดียว”
สำหรับอีกหนึ่งคดี คือ นโยบายหาเสียงแก้ไข มาตรา 112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือและลงมติ ในวันที่ 31 ม.ค. เวลา 09.30 น. พร้อมทั้งนัดฟังคำวินิจิฉัยวันเดียวกัน เวลา 14.00 น.