ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย จี้รัฐบาลทบทวนบทบาทหลังอ้าแขนรับผู้นำศรีลังกาหนีภัยมาไทย ชี้ ปรากฏการณ์ที่ศรีลังกา เป็นบทเรียนครั้งสำคัญต่อผู้นำหลายประเทศในเอเชีย
วันนี้ ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทยอ้าแขนรับอนุญาตให้นายโกตาบายา ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา เดินทางลี้ภัยมาพำนักในประเทศไทย หลังการลุกฮือของประชาชนที่ออกมาประท้วงขับไล่ จากการบริหารประเทศที่ล้มเหลวผิดพลาดจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจพังทลาย
การให้อดีตผู้นำศรีลังกาเข้าไทย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
ชญาภา สินธุไพร ระบุว่า รัฐบาลไทยควรทบทวนท่าทีหรือไม่ หลังนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อ้างว่าเป็นการหนีร้อนมาพึ่งเย็นในยามยาก ซึ่งรัฐบาลไทยควรพิจารณาอย่างรอบด้านประกอบกัน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในนานาประเทศ
การอนุญาตของรัฐบาลไทยพร้อมออกมาแสดงความเห็นเรื่องสิทธิมนุษยชนจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มอื่นๆที่เข้าลี้ภัยมาไทย ไม่ว่าจะเป็นประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านที่หนีภัยสงครามหรืออีกหลายๆกลุ่ม ซึ่งพวกเขาก็หนีร้อนมาพึ่งเย็นเช่นกัน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์มักกล่าวอ้าง
บทความที่เกี่ยวกับศรีลังกา
โรม ซัดรัฐบาล 2 มาตรฐาน ต้อนรับอดีตผู้นำศรีลังกา แต่ผลักไสผู้ลี้ภัย
จับตา สภาเลือกประธานาธิบดีศรีลังกา รักษาอำนาจ หรือตอบโจทย์ประชาชน ?
ในทางกลับกันการลี้ภัยเพื่อหนีจากความโกรธแค้นของประชาชนจากการบริหารประเทศผิดพลาดล้มเหลวกลับได้รับการขานรับจากรัฐบาลไทยเป็นอย่างดีเสมือนมองตาแล้วรู้ใจ ระวังคนจะเข้าใจว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์เองก็อาจจะกำลังมองหาลู่ทางในลักษณะเดียวกันเผื่อไว้ในอนาคตข้างหน้าในวันที่หมดอำนาจวาสนาแล้วก็เป็นได้
ปรากฏการณ์ที่ศรีลังกา เป็นบทเรียนครั้งสำคัญต่อผู้นำหลายประเทศในเอเชีย
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศศรีลังกาเป็นบทเรียนครั้งสำคัญต่อผู้นำหลายประเทศในเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่ประชาชนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และยังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตศรัทธาในตัวผู้นำประเทศ
"อย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการยึดอำนาจก่อการรัฐประหารและเข้าสู่อำนาจด้วยกติกาไม่เป็นธรรม ไร้ความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาและบริหารประเทศจนล้มเหลวในทุกด้าน ซึ่งควรลงจากอำนาจเพื่อรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศที่ผิดพลาด แต่ก็ยังดันทุรังกอดอำนาจไว้โดยไม่แยแสเสียงทัดทานและความทุกข์ยากของประชาชน
"แม้ว่าประชาชนออกมาขับไล่ทั่วบ้านทั่วเมืองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมยุติบทบาทหลังอยู่ยาวมา 8 ปี พลเอกประยุทธ์ไม่เคยเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา จึงไม่แปลกใจหากรัฐบาลไทยมักจะมีท่าทีหรือการตัดสินใจที่ย้อนแย้งและสวนทางกับสถานการณ์โลกและนานาประเทศ" รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุทิ้งท้าย
ที่มา พรรคเพื่อไทย