เหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในเมืองลอสแอนเจอลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาสร้างความสะเทือนขวัญไปทั่วโลก โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย เผาผลาญพื้นที่แล้วอย่างน้อย 43,000 ไร่ และคาดว่าสร้างความเสียหายราว 1.73 ล้านล้านบาท
โดยถึงขณะนี้มีไฟป่าเกิดขึ้นทั้งหมด 7 แห่ง ควบคุมได้แล้ว 2 แห่ง
ไฟป่าที่ควบคุมได้แล้วมี ดังนี้
- ไฟป่าโอลิวาส บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของนครลอสแอนเจลิส เพลิงไหม้พื้นที่ราว 27 ไร่
- ไฟป่าวูดลีย์
สำหรับพื้นที่ยังควบคุมไม่ได้ ดังนี้
- ไฟป่าพาลิเซดส์ เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 40,480 ไร่ และทำให้มีผู้อพยพอย่างน้อย 30,000 คน
- ไฟป่าอีตัน เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 25,300 ไร่ และมีรายงานผู้เสียชีวิต 5 คนจากไฟป่านี้
- ไฟป่าเฮิร์สต์ เผาผลาญพื้นที่ราว 2,150 ไร่ และทำให้มีคำสั่งอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเมืองซานตา คลาริตา
- ไฟป่าลิเดี เผาผลาญพื้นที่ราว 885 ไร่ เริ่มไหม้บนพื้นที่ภูเขาแอคตัน ตอนนี้สามารถควบคุมเพลิงได้แล้วราว 40%
- ไฟป่าซันเซ็ต เผาผลาญพื้นที่แล้ว 126 ไร่ เป็นเพลิงไหม้ในย่านฮอลลีวูดฮิลล์ ตอนนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และมีคำสั่งให้อพยพแล้ว
นักวิชาการคาดว่าไฟป่าครั้งนี้เกิดจาก 3 สาเหตุสำคัญ
สาเหตุแรก ในฤดูหนาวของแคลฟอร์เนีย มักมีลมที่เรียกว่า ‘ลามซานติอานา’ พัดเข้ามา ลมนี้นำพาความร้อนและแห้งแล้งเข้ามา ส่งผลให้เชื้อไฟเกิดปะทุจนไหม้เป็นไฟป่า อีกทั้งความเร็วของลมที่ในบางพื้นที่สูงถึง 100 ไมล์/ ชั่วโมง ยิ่งเป็นการเพิ่มความรุนแรงของไฟป่าให้รุนแรงขึ้น
สาเหตสอง ในช่วงปี 2022 และ 2023 แคลิฟอร์เนียเผชิญกับฝนจำนวนมากจนทำให้พืชเติบโต แต่เมื่อปีนี้อากาศแห้งแล้ง พืชเหล่านั้นจึงกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ดีให้กับไฟป่าครั้งนี้
สาเหตุสาม นักวิจัยพบว่าภาวะโลกร้อนส่งผลต่อไฟป่าอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยพบว่าไฟป่าในแคลิฟอร์เนียเผาไหม้รวดเร็วขึ้น 25% และ 5 ใน 10 เหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในรัฐนี้ เกิดขึ้นในปี 2020
ภาพปก: สมชาย พัวประเสริฐสุข