ล่าสุด ‘เกวิน นิวซอม’ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้อัปเดตตัวเลข ผู้เสียชีวิตเป็น 5 รายแล้ว (และน่าจะมีมากกว่านี้) สำหรับกรณี ‘ไฟป่า’ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งกินพื้นที่กว่า 15,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 60.7 ตารางกิโลเมตร
ล่าสุด วันนี้ (9 ม.ค. 68) ก็ยังไม่สามารถดับไฟได้ โดยจุดล่าสุดที่ไฟลุกโหมรุนแรงคือบริเวณ Hollywood Hills กระนั้น ต้นตอของไฟป่าแคลอฟอร์เนีย เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุปัจจัย โดย SPRiNG รวบรวมได้ 3 ประการ ดังนี้
แคลิฟอร์เนียตอนใต้ (จุดเกิดเหตุไฟไหม้) ถูกรายงานว่าไม่มีฝนตกต่อเนื่องกันมากว่า 9 เดือน โดยครั้งสุดท้าย ที่มีฝนตกลงมาเกิน 1 ใน 10 นิ้ว คือเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมปีที่แล้ว จริง ๆ แล้วควรมีฝนตกลงมาอย่างน้อย 4 นิ้ว ในช่วงเวลานี้ของปี
ทางด้านของ ‘ไรอัน คิทเทลล์’ นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ เปิดเผยว่า “สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่เป็นหนึ่งในฤดูฝนที่แล้งที่สุดในประวัติศาสตร์
Santa Ana wind มีอีกหนึ่งคำเรียกคือ ‘ลมปีศาจ’ ซึ่งนี่คือสาเหตุหลักของไฟป่าแคลิฟอร์เนียในครั้งนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็ยากที่จะป้องกันได้ ปกติแล้ว ลมซานตาแอนนาจะเกิดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงพฤษภาคม และเกิดมากกว่า 20 ครั้งในบางปี
ข้อมูลจาก Mitearth อธิบายว่า Santa Ana wind “ลมนี้เกิดขึ้นในเขตความกดอากาศสูงบริเวณ ที่แอ่งราบและเขาสูง (basin and range) ฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยลมจะพัดจากทางตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วสูง"
"พาดผ่านแนวเทือกเขาและหุบเขาต่างๆ รวมทั้งทะเลทรายที่แห้งแล้ง ภายในพื้นที่ ลมซานตาแอนนา จึงเป็นลมร้อนและแห้ง ซึ่งเมื่อพัดผ่านบริเวณใดจะก่อให้เกิด ความเสียหายแก่พืชผลบริเวณนั้น”
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นสาเหตุให้สภาพอากาศสุดขั้ว (แล้งจัด) รุนแรงมากยิ่งขึ้นในหลาย ๆ รัฐของอเมริกา
และสำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย นักวิทยาศาสตร์ถือว่าไฟป่าเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี สะท้อนจากเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดบ่อย และถี่ขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง