SHORT CUT
โหวเฟิง เครื่องวัดแผ่นดินไหวโบราณของจีน ความก้าวหน้าหลายพันปีที่ไทยยังตามไม่ทัน แม้เทคโนโลยีโลกจะล้ำไปแล้ว
แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มนุษย์พยายามคิดค้นวิธีการตรวจจับแผ่นดินไหวมาตั้งแต่สมัยโบราณ และหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ “โหวเฟิง” หรือที่เรียกกันว่า "เครื่องวัดแผ่นดินไหวของจีนโบราณ" ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 132 ในยุคราชวงศ์ฮั่น (กว่า 1,800 ปีที่แล้ว)
ขณะที่จีนมีเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวที่ล้ำหน้าไปไกลตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยกลับยังไม่มีแม้แต่ระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวผ่าน SMS อย่างทั่วถึง ประเด็นนี้สะท้อนถึงความแตกต่างด้านการให้ความสำคัญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติของแต่ละประเทศ และเป็นสิ่งที่ไทยควรเร่งปรับปรุงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
โหวเฟิงเย่ถูกคิดค้นโดย จางเหิง (Zhang Heng) นักดาราศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวจีนในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เครื่องมือนี้ถือเป็น เครื่องวัดแผ่นดินไหวที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร
โหวเฟิงมีลักษณะเป็นภาชนะทรงกระบอกที่มีมังกรแปดตัวติดอยู่รอบ ๆ แต่ละตัวจะคาบลูกบอลทองสัมฤทธิ์ไว้ และมีคางคกอยู่ด้านล่างคอยรองรับลูกบอล เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เครื่องมือนี้จะตรวจจับแรงสั่นสะเทือนและทำให้ลูกบอลตกลงในปากของคางคกตัวที่อยู่ในทิศทางตรงข้ามกับแรงสั่นสะเทือน นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า โหวเฟิงเย่ทำงานโดยใช้ตุ้มน้ำหนักหรือของเหลวที่ไวต่อแรงสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับเครื่องวัดแผ่นดินไหวสมัยใหม่
มีบันทึกว่าครั้งหนึ่งโหวเฟิงสามารถตรวจจับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นห่างไกลจากเมืองลั่วหยางได้ถึง 600 กิโลเมตร แม้ว่าผู้คนในเมืองจะไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนก็ตาม ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบก็พบว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นจริงที่มณฑลกานซู่ แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของเครื่องมือนี้
ปัจจุบันจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเทคโนโลยีการตรวจจับแผ่นดินไหวก้าวหน้าที่สุดในโลก มีการติดตั้งเครือข่ายเซ็นเซอร์แผ่นดินไหวอย่างครอบคลุม และใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนผ่าน SMS, แอปพลิเคชันมือถือ และระบบกระจายเสียงฉุกเฉิน ซึ่งช่วยลดความเสียหายจากแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่จีนมีระบบตรวจจับแผ่นดินไหวมานับพันปี ไทยกลับยังไม่มีระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา ที่ติดตามข้อมูลแผ่นดินไหวจากสถานีตรวจวัด แต่การแจ้งเตือนประชาชนยังทำได้ล่าช้าและไม่ทั่วถึง
ขาดระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ – ประเทศไทยยังไม่มีระบบส่ง SMS อัตโนมัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ต่างจากญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน ที่สามารถส่งข้อความแจ้งเตือนภายในไม่กี่วินาที
เครือข่ายสถานีตรวจวัดไม่ครอบคลุม – จำนวนสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวยังน้อยและกระจายตัวไม่ดีพอ ทำให้การตรวจจับและแจ้งเตือนทำได้ล่าช้า
ขาดการบูรณาการข้อมูล – ข้อมูลแผ่นดินไหวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ถูกนำมาใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การแจ้งเตือนล่าช้าหรือไม่ถึงประชาชนทั่วไป
โหวเฟิงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าจีนนั้นให้ความสำคัญกับแผ่นดินไหวมาตั้งแต่โบราณ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมีระบบแจ้งเตือนที่ทันสมัย ในขณะที่ไทยแม้จะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแล้ว แต่กลับยังไม่มีระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพแม้แต่ SMS แจ้งเตือนอัตโนมัติ
แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถลดความเสียหายได้หากมีระบบแจ้งเตือนที่ดี ประเทศไทยจึงควรเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก่อนที่ภัยธรรมชาติจะสร้างความเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น
อ้างอิง
ChinaStory / Samapan / จีน / SpaceTh / Finnomena / โหวเฟิง /