SHORT CUT
'กัณวีร์' เปิดคลิปเสียงชาวอุยกูร์ไม่ขอกลับจีน ซัดรัฐบาลเล่นละครคุณธรรม พร้อมไทม์ไลน์ 73 วันแห่งการโกหก – 'ภูมิธรรม'โต้กลับ 'กัณวีร์' "นักโกหกตัวยง'"
(24 มี.ค. 2568) นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงว่ากรณีที่รัฐบาลผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีนในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของไทยในเวทีโลก
การกระทำของรัฐบาลเหมือน “หนัง Thailywood” ที่ใช้ “ละครคุณธรรม” ปลอมแปลงความจริง โดยนำเสนอเรื่องราวการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งรัฐบาลอ้างว่าเป็นการกลับประเทศด้วยความสมัครใจ แต่ในความจริงกลับเป็นการผลักดันโดยการบังคับ นายกัณวีร์ขอให้รัฐบาลแสดงหลักฐานการสมัครใจที่แท้จริง
นอกจากนี้ นายกัณวีร์ ยังได้เปิดคลิปเสียงที่ชาวอุยกูร์ในห้องกักกล่าวว่าไม่ต้องการกลับจีน โดยมีการขอให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือและขอไม่ให้ส่งกลับจีน โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) หลอกลวงว่าการส่งกลับจะไม่เกิดขึ้น
เริ่มต้นจากวันที่ 7 มกราคม 2568 เมื่อจีนส่งจดหมายขอส่งตัวชาวอุยกูร์ 45 คนกลับประเทศ ซึ่งในตอนนั้นยังมีหลักฐานว่า ชาวอุยกูร์หลายคนมีสัญชาติตุรกี ไม่ใช่จีน แต่รัฐบาลไทยยังดำเนินการต่อไป จนกระทั่งในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 การส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีนก็เกิดขึ้น
.
ในระหว่างนั้น นายกัณวีร์ได้เปิดเผยข้อมูลว่า สตม.อนุญาตให้สถานทูตจีนเข้าพบชาวอุยกูร์ และมีการส่งเอกสารให้เซ็นต์เพื่อยืนยันการกลับประเทศ แต่ชาวอุยกูร์หลายคนไม่ได้ยินยอม
และ ชี้ให้เห็นว่า สัญชาติที่ไทยบันทึกในบัตร IDC ของชาวอุยกูร์เหล่านั้นคือสัญชาติตุรกี แต่สถานทูตจีนกลับเข้ามามีส่วนร่วม โดยไม่ผ่านการพูดคุยกับสถานทูตตุรกีเลย
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 12 มกราคม 2568 ที่ชาวอุยกูร์ในห้องกักส่งคลิปเสียงยืนยันว่าไม่ต้องการกลับจีน และขอให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือพวกเขา
"เป็นรถของใครผมว่าไม่ใช่รถของตม. เป็นรถของกรมราชทัณฑ์ ติดป้ายดำมิด เป็นไปได้เหรอ การขนคนตรวจคนเข้าเมือง การขนย้าย ต้องใช้ของ สตม.สิ ใช้ของ กรมราชทัณฑ์สิ มาปิดลับซับซ้อน มีการปิดหน้าปิดหลัง นักข่าวตามก็ไม่ให้ตาม"
และในเวลา 04.48 น. เครื่องบิน CSN5246 ออกจากดอนเมืองไป Kashgar,Xinjiang ประเทศจีน ไปถึงเวลา 10.15 น. โดยมีชาวอุยกูร์ 40 คนอยู่บนเครื่องบินไปยังจีน ขณะที่นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งข่าวปรากฏออกมา
นายกัณวีร์กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นการโกหกอย่างร้ายแรงที่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก และเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริงและแสดงหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาของนายกัณวีร์ สืบแสง ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลเล่นละครในการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน โดยกล่าวว่า “นายกัณวีร์เป็นนักโกหกตัวยง” พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของเขา และแสดงความเห็นว่า นายกัณวีร์ขาดประสบการณ์ในการบริหารประเทศ และขาดความเข้าใจในผลประโยชน์ของชาติ
"ผมได้ฟังท่านกัณวีร์ พูดถึงการส่งอุยกูร์ไปประเทศจีน
และ กล่าวหารัฐบาลสารพัด ว่ารัฐบาลเล่นละคร ขอบอกเหมือนกันว่า ท่านเป็นนักโกหกตัวยง และสิ่งที่ท่านพูดเข้าใจได้ว่า เพราะว่าไร้ประสบการณ์ ไม่เคยบริหารประเทศ เพราะฉะนั้นจึงพยายามจะพูดโดยไม่คำนึงถึงว่า ผลประโยชน์ของประเทศ และความมั่นคงของชาติจะต้องใช้ความระมัดระวังอะไร " ภูมิธรรม กล่าว
.
นายภูมิธรรมได้ชี้แจงปัญหาของชาวอุยกูร์ในไทยว่า พวกเขามีความผิดจากการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งต้องได้รับโทษตามกฎหมายไทย แต่รัฐบาลไม่ได้แก้ไขปัญหานี้อย่างเหมาะสม จนต้องขังพวกเขาไว้เป็นเวลา 11 ปี ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงมุ่งมั่นที่จะหาทางออก โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้คำสั่งให้รีบดำเนินการแก้ไข เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงของชาติ
.
ในส่วนของทางเลือกในการจัดการชาวอุยกูร์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีสามทางเลือก คือ การขังพวกเขาต่อไป การส่งไปประเทศที่สาม ซึ่งก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่มีประเทศใดรับตัว และสุดท้ายคือการส่งกลับไปยังประเทศจีน โดยยืนยันว่า ชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับนั้นเป็นชาวจีนตามกฎหมายและมีบางคนที่สมัครใจกลับประเทศจีน
.
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงความกังวลจากต่างประเทศเกี่ยวกับการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน โดยยืนยันว่าไทยมีการดำเนินการตามข้อเท็จจริงและได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ และไทยจะทำตามแนวทางที่มีความรับผิดชอบ โดยไม่เลือกข้าง แต่พยายามรักษาศักดิ์ศรีและสร้างความสมดุลในการเจรจาระหว่างประเทศ
นายภูมิธรรมกล่าวถึงการที่นายกัณวีร์กล่าวหาว่าการไปเยือนมณฑลซินเจียงของตนเป็นการถูกครอบงำจากรัฐบาล โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินจริงและไม่เป็นความจริง พร้อมขอให้นายกัณวีร์หันมามองความจริงและหลีกเลี่ยงการใช้จินตนาการในการพูดถึงปัญหาต่างๆ
สุดท้าย นายภูมิธรรมยืนยันว่าในอนาคตจะมีการติดตามสถานการณ์ต่อไป โดย 1-2 เดือนข้างหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง รวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งก็จะทำการติดตามสถานการณ์เช่นกัน