SHORT CUT
ย้อนรอยเหตุ 'ระเบิดราชประสงค์' เมื่อปี 2558 โศกนาฏกรรมกลางกรุงเทพฯ ที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมาก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เมื่อจู่ๆ ในช่วงเย็น เวลาประมาณ 18.55 น. ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ที่เต็มไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ สร้างความโกลาหลและเรียกหวีดร้องของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ต้องวิ่งหนีตายกันอย่างแตกตื่นมีผู้เสียชีวิตมากถึง 20 คน บาดเจ็บ 163 คน
ภายหลังเกิดเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ช่วงเวลานั้น มีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า เป็นระเบิดทีเอ็นทีหนัก 3 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในท่อในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม มีรัศมีทำลายล้างประมาณ 100 เมตร และในวันต่อมาได้เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดลงมาจากสะพานตากสิน บริเวณท่าเรือสาทร ทำให้เรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
การสืบสวนของเจ้าหน้าที่โดยอาศัยกล้องวงจรปิด พบชายต้องสงสัยคล้ายชาวต่างชาติ ใส่ชุดเสื้อเหลืองนั่งรถ สามล้อมาลงที่ทางเข้าโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ นำระเบิดใส่เป้ไปวางบริเวณที่นั่งภายในศาลท้าวมหาพรหม ก่อนเดินจากไปด้วยท่าทางพิรุธ ส่วนการสืบหลักฐานจากฝักแคที่เป็นตัวจุดชนวนระเบิด พบว่าเหตุที่แยกราชประสงค์ กับท่าเรือสาทรมาจากกลุ่มก่อเหตุเดียวกัน ช่วงแรกไม่มีทีท่าว่าจะจับตัวคนร้ายได้ มีการตั้งค่าหัว รางวัลนำจับรวม 12 ล้านบาท ในขณะนั้น อีกทั้งยืนยันว่ารู้ตัวขบวนการก่อเหตุแล้ว มีทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับ อาชญากรข้ามชาติหรือการก่อการร้าย
ก่อนที่ภายหลังการสอบสวนจะมีการสรุปว่า เป็นฝีมือของ "ผู้เสียประโยชน์ในการค้ามนุษย์" แต่ไม่ใช่การตอบโต้ไทยที่ส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ให้จีน หลังเกิดเหตุมีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 17 คน แต่จับกุมได้เพียง 3 คน
จำเลยทั้งสองในคดีนี้มีสัญชาติจีน ชาติพันธุ์อุยกูร์ อาเดมเดินทางมาจากอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองพิเศษซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน เขามีญาติส่วนหนึ่งเดินทางไปตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศตุรกี อาเดมถูกดำเนินคดีภายใต้ข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับกรณีระเบิดและเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายรวม 10 ข้อหา
ส่วนยูซุฟูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายโทรศัพท์ เขาถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับระเบิดร่วมกับอาเดมรวม 9 ข้อหา
ผลการสืบสวนสามารถแกะรอยผู้ร่วมขบวนการได้นับ 10 ราย ซึ่งล้วนเป็นชาวตุรกีที่มาพักอาศัยย่านมีนบุรี หนองจอก
หลังจากใช้เวลาสอบสวนยาวนานกว่าหนึ่งเดือน หลังยังไม่มีวี่แววว่าจะจับมือวางระเบิดได้ นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาที่ปฏิเสธมาตลอด ยอมสารภาพว่า เป็นผู้นำระเบิด ไปวางที่ศาลท้าวมหาพรหม หลังจำนนต่อภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาใหม่บริเวณสวนลุมพินีที่จับได้ว่าชายเสื้อเหลือง ได้เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่สวนลุมพินี ก่อนเข้า ห้องน้ำที่สวนสาธารณะ ในมือถือถุงใส่ของบางอย่าง ซึ่งเมื่อใช้เทคนิคตรวจดูก็พบว่าเป็นเสื้อสีเหลือง ทำให้เจ้าหน้าที่ ตั้งข้อหาเพิ่มเติมคือ ทำให้เกิดระเบิดและมีผู้เสียชีวิต ต่อมา นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม ระบุว่า นายอาเดม ยอมรับว่า นายอิซาน เป็นคนสั่งการให้วางระเบิด หากทำงานเสร็จนายอิซานจะประสานงานกับทางมาเลเซีย เพื่อให้นายอาเดม เดินทางไปประเทศตุรกีเพื่อพบกับครอบครัว
ส่วนนายยูซุฟูได้ซัดทอดว่า ผู้บงการตัวจริง คือ นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรือนายอิซาน สัญชาติ จีน ซึ่งได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ โดยผู้ร่วมขบวนการมี 6 คน ทั้งหมดไม่รู้จักกัน ในการ ประสานงานนั้นนายอิซานจะติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “วอทส์แอพ” พร้อมเป็นผู้สั่งการหาซื้อสารประกอบระเบิด ผ่านอินเทอร์เน็ต และให้นายยูซุฟู นำระเบิดใส่เป้ไปให้ ชายเสื้อเหลืองที่สถานีหัวลำโพง สำหรับนายอิซานนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติใน ขณะนั้นระบุว่า ได้หลบหนีไปยังนครอิสตันบูล ประเทศตุรกีแล้ว โดยเดินทางไปบังกลาเทศ อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไปจบที่ตุรกี
แรงจูงใจของคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. ในขณะนั้นแถลงว่า เกิดจากการที่รัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 109 คน กลับไปยังจีน เท่ากับทลายขบวนการค้ามนุษย์ จากประเทศไทยไปตุรกี จึงเกิดความโกรธแค้นขึ้นมา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ชาวอุยกูร์และชาวตุรกี ที่นครอิสตันบูล ก็ได้ประท้วงที่สถานกงสุลไทยเพื่อแสดง ความไม่พอใจที่ไทยส่งผู้ลี้ภัยอุยกูร์ให้กับจีนมาแล้ว จากการที่ทางการไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ 109 คน กลับไปจีน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557
ข่าวที่เกี่ยวข้อง