ตร.ไซเบอร์ แฉพิรุธ ขบวนการขโมยข้อสอบให้ "พล.ต.อ." ลอก ทำกันเป็นขบวนการ หลังจับหญิงคนสนิท "อดีตบิ๊ก ตร." แอบนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ ม.ดัง ออกไปให้คนอื่นทำ ก่อนจะส่งต่อไปให้อดีตนายตำรวจ ยศ "พล.ต.อ." นายหนึ่ง คัดลอก
จากกรณีที่ตร.ไซเบอร์เข้าจับกุม นางขนิษฐา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 22 เมษายน 2568 ในข้อหา “ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยจับกุมได้ที่บ้าน ย่านบางบอน กรุงเทพมหานคร กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดด้วยการนำข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกไปเพื่อให้กับอดีตนายพลตำรวจระดับใหญ่นายหนึ่ง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2566
สำหรับหลักฐานที่นำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์ของนายคริษฐ์ (สงวนนามสกุล) หรือ อดีตรองคริษฐ์ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ ปรากฏเอกสารที่เชื่อมโยงกับข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ ฯ จึงประสานให้ บก.สอท.1 รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ
จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า อดีตนายพลตำรวจรายดังกล่าว รู้จักกับผู้ต้องหา เนื่องจากเคยศึกษาด้วยกันที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จากนั้นในช่วงปี 2566 อดีตนายพลตำรวจรายนี้ กำลังศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ฯ และในช่วงนั้นกำลังเป็นช่วงสอบ ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยนี้ แต่เข้าไปมหาวิทยาลัย และไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหลักสูตรกับการจัดสอบ จึงสันนิษฐานว่า มีขบวนการลักลอบนำข้อสอบออกมาให้กับอดีตพลตำรวจนายนี้
คดีนี้สืบเนื่องจากจากเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ บก.สอท.1 มีการปฏิบัติจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ สุจริตชินศรี เจ้าแม่เว็ปพนันรายใหญ่ ที่กระทำความผิดซ้ำเว็ปพนันออนไลน์ เจ้าหน้าที่มีการตรวจยึดพยานหลักฐานรวมทั้งคอมพิวเตอร์ จากนั้นผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบหลักฐานการจับกุมเจ้าแม่เว็ปพนันครั้งแรกเมื่อปี 66 มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจับกุมครั้งนี้อย่างไรหรือไม่ จึงมีการตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ทำให้พบว่ามีการลักลอบนำข้อสอบจากมหาลัยดังกล่าวไปจากมหาลัย มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่าผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มบุคคล 4-5 คนทำกันเป็นขบวนการและมีการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 และทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ นำไปสู่การจับกุมจับกุมหญิงอายุ 53 ปี การศึกษาระดับปริญญาเอก แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาลัยแต่อย่างใด
พฤติการณ์ คือ ตำรวจระดับ “รองผู้กำกับ” และ ตำรวจระดับ “สารวัตร” จะเป็นตัวต้นเรื่อง ประสานกับทางเจ้าหน้าที่หลักสูตร นิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) ให้เอาข้อสอบออกมาจากห้องสอบ เพื่อเอามาให้กับ “ดร.นิด” ที่ตอนนั้นอ้างว่าเป็นเลขาส่วนตัวของ “บิ๊กตำรวจ”
จากนั้น ดร.นิด จะนำไปให้ทีมทนายของบิ๊กตำรวจไปทำข้อสอบให้ พอทีมทนายทำข้อสอบเสร็จ ดร.นิด จะเป็นคนนำข้อสอบมาคืนที่ห้องสอบให้กับเจ้าหน้าที่หลักสูตรที่คุมสอบ โดยที่ “บิ๊กตำรวจ” ไม่ได้ทำข้อสอบเอง แม้แต่ข้อเดียว
วิธีและการวางแผนอย่างแยบยล ใช้ตัวช่วยหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างสอดประสาน เริ่มจากตัว “พล.ต.อ.” จะแจ้งขอเลื่อนสอบ อ้างว่าติดภารกิจราชการสำคัญ ในฐานะตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พอมีนัดสอบครั้งใด หากยังมีคนร่วมสอบด้วย “พล.ต.อ.” ก็จะหาข้ออ้าง เลื่อนสอบแล้วเลื่อนสอบจนกว่าจะเหลือคนเดียวที่จะได้สอบ
ส่วนการขยายผลตำรวจ บก.สอท.1 กำลังออกหมายเรียก ”รองผู้กำกับ-สารวัตร” มารับทราบข้อกล่าว เพราะขบวนการทุจริตข้อสอบนิติศาสตร์ ที่ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ “บิ๊กตำรวจ” มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 188 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
วันที่ 24 เมษายน 2568 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีร่วมกันนำเอกสารข้อสอบออกไปให้บุคคลอื่นทำ ก่อนส่งต่อให้อดีตนายตำรวจยศ "พลตำรวจเอก" เมื่อช่วงปี 2566
โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้จับกุมผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกไปให้ผู้อื่นทำก่อนจะส่งต่อไปให้อดีตนายตำรวจยศพลตำรวจเอกนายหนึ่งคัดลอก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2566 นั้น
หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) รู้สึกเสียใจยิ่งกับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้หลักสูตรฯ ในครั้งนี้ และขอเรียนว่า หลักสูตรฯ ได้รับการประสานจาก บช.สอท. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และหลักสูตรฯ ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาโดยตลอด
หลักสูตรฯ ขอเรียนว่า "ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีครั้งนี้ มิใช่ศิษย์เก่าและมิได้เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย" แต่ได้อาศัยโอกาสกระทำการดังกล่าวจากการเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตรโดยที่เจ้าหน้าที่มิได้สังเกตพิรุธ (รายละเอียดอยู่ในขั้นตอนคดี) ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของหลักสูตรได้ให้ข้อมูลและแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานข้อมูลเพิ่มเติมทางการสอบสวน และหากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในกรณีนี้หรือกรณีอื่น คณะนิติศาสตร์จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับการจัดการในกรณีอื่น ๆ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะนิติศาสตร์ ขอยืนยันเจตจำนงในอันที่จะรักษามาตรฐานการจัดการศึกษา การให้ปริญญา ตลอดจนคุณภาพบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาของไทย
หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) เป็นหลักสูตรที่เปิดขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 สำหรับบุคคลทั่วไปที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งมาแล้วเข้าศึกษานอกเวลาราชการเพื่อให้ได้รับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตอีกปริญญาหนึ่ง
ที่มา : Faculty of Law, Chulalongkorn University
ข่าวที่เกี่ยวข้อง