ชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ห่างหายไปจากหน้าข่าวหลายเดือน นับแต่แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องตกเก้าอี้จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ห่างหายไปจากหน้าข่าวหลายเดือน นับแต่แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องตกเก้าอี้จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
จังหวะการหายไปจากหน้าข่าวมองได้ในหลายมุม ทั้งเพื่อให้บทบาทของลูกสาวในฐานะนายกรัฐมนตรีขึ้นมาโดดเด่น ฉายแสง พร้อมกับการลดแรงเสียดทานและปริมาณ ‘นักร้อง’ ที่ทยอยเดินสายร้องเรียนเรื่องต่างๆ แบบรายวัน
จตุพร พรหมพันธ์ อดีตคนเคยอยู่ด้วยกันมองว่า ทักษิณอาศัยจังหวะกลับมาเคลื่อนไหวช่วงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องของธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่ร้องทักษิณและพรคเพื่อไทย ว่ามีพฤติการณ์ ‘ล้มล้างการปกครอง’ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่
“(ทักษิณ)เพิ่มความเกรี้ยวกราดตามลำดับ ดุดันโดยไม่จำเป็น”
การขยับในจังหวะนี้ของทักษิณในมุมมองจตุพรคืออาการของความไม่มั่นใจ และเคลื่อนไหวให้เห็นว่ายังคงมีพลัง เพื่อไทยยังสำคัญในการเป็นด่านหน้าต่อสู้กับพลังของพรรคสีส้มหรือพรรคประชาชน
“เราจะเห็นว่าเวลามันไม่ใช่เลย เป็นช่วงเวลาของการถดถอย”
หากเราเทียบคำร้องนี้ในมาตรฐานเดียวกันกับคำร้องก่อนหน้านี้คือ คำร้องที่ธีรยุทธคนเดียวกันนี้ ร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าการที่พรรคก้าวไกลนำเรื่องการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในการรณรงค์หาเสียงและใช้เป็นนโยบายเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “เป็นการล้มล้างการปกครอง” และนั่นคือสารตั้งต้นในการชงเรื่องจนมาสู่การวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา
ซึ่งในกรณีที่ทักษิณ-เพื่อไทยถูกร้องในลักษณะเดียวกันนี้ อาจทำ ‘นักร้อง’ มีสารตั้งต้นในการดำเนินคดีอื่นๆ กับทักษิณและพรรคเพื่อไทยได้ต่อ