ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของเมืองไทย สำหรับคดี "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆาตรกรรมต่อเนื่อง ให้เหยื่อเสียชีวิตในลักษณะเหมือนเจ็บป่วย เกิดภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว จนญาติของผู้เสียชีวิตไม่มีข้อสงสัย เพื่อหวังเอาทรัพย์สินหรือการล้างหนี้ที่เคยยืมมา
คดี"แอม ไซยาไนด์" ถือเป็นคดีมหากาพย์ ของประเทศไทย เป็นคดีที่สอบปากคำพยานมากกว่า 900 ปาก ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี
เมื่อพบว่า น.ส.ก้อย หรือ นางสาวศิริพร ขันวงษ์ ชาวกาญจนบุรี ได้ไปปล่อยปลาริมท่าน้ำใน อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี แล้วหายตัวไป จนพบว่าเสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566
ทางญาติสงสัยสาเหตุการตาย จึงติดต่อหา "แอม" ซึ่งได้บอกว่าตนไม่รู้เห็นอะไร และอ้างว่าตอนนั้นตนอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ได้อยู่กับผู้ตาย
อย่างไรก็ตาม ญาติไม่ปักใจเชื่อ จึงพยายามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาเบาะแส และเมื่อตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด กลับพบว่า ไม่ตรงกับที่แอม พูด เพราะแอมได้ อยู่ในที่เกิดเหตุกับก้อยที่ไปปล่อยปลาด้วย แต่แอมกลับเป็นคนเดียวที่ขับรถออกมา จากริมท่าน้ำนั้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนคดีปริศนานี้ จนนำสู่การขยายผลของตำรวจ
พบว่านางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม วางยาฆาตกรรมเหยื่อและผู้เสียหาย รวม 15 ราย ในพื้นที่ 8 จังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร มุกดาหาร และอุดรธานี ขณะที่มีการสืบสวนคดี ก็มีการเปิดผลชันสูตร น.ส.ก้อย พบว่า มีสารพิษอยู่ในเลือดเป็น กลุ่ม "ไซยาไนด์"
โดยพฤติกรรมของ "แอม" อาศัยความสนิทสนม ความเชื่อใจ ของผู้ตาย แล้วชวนผู้ตายไปรับประทานอาหาร ลอบวางยาไซยาไนด์ หรือ ส่งแคปซูลยาที่ปนสารพิษไปให้อ้างว่าเพื่อลดน้ำหนัก
โดยคดีแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ต่อเนื่องถึงปี 2566 มีเหยื่อ 15 ราย เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย นางสรารัตน์ถูกแจ้ง 75 ข้อหา
รายที่ 1 น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 58 พื้นที่ สน.ทองหล่อ
รายที่ 2 น.ส.นิตยา แก้วบุบผา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 63 พื้นที่ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
รายที่ 3 น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 พื้นที่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
รายที่ 4 น.ส.ดาริณี เทพทวี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 63 ภายในบ้านพัก อ.สามพราน จ.นครปฐม
รายที่ 5 นายสุรัตน์ ทรพับ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
รายที่ 6 ร.ต.อ.หญิงกานดา โตไร่ เสียชีวิตภายในรถยนต์เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 65 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
รายที่ 7 น.ส.รสจรินทร์ นิลน้อย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 65 ที่ร้านขายผักในตลาดสดมหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
รายที่ 8 นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 65 ที่บ้านพักใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
รายที่ 9 นางมณีรัตน์ พจนารถ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 65 ที่ตลาดนครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
รายที่ 10 น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารัตน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 65 ที่ร้านกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
รายที่ 11 น.ส.กานติมา แพสะอาด มีอาการเจ็บป่วยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 65 ที่หน้าร้านหมูกระทะ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี (ไม่เสียชีวิต)
รายที่ 12 น.ส.ผุสดี สามบุญมี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 65 ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม
รายที่ 13 นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 66 ภายในห้องพัก อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
รายที่ 14 พ.ต.ต.หญิงนิภา แสงจันทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 ที่องค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
รายที่ 15 น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เสียชีวิตรายสุดท้าย
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2566
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2566 นางสรารัตน์ จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี โดยนำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide) ซึ่งเป็นสารพิษปลอมปนใส่ลงในอาหาร หรือน้ำดื่ม และปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัด ให้ผู้ตาย ดื่มหรือรับประทาน ระหว่างที่ จำเลยที่ 1 กับผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนกันเดินทางไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำ ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อนที่ผู้ตายจะหมดสติ และเสียชีวิตเวลาต่อมา โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ และนำทรัพย์สินผู้ตาย 9 รายการ มูลค่า 154,630 บาท ของผู้ตายไปให้แก่ผู้มีชื่อ เพื่อซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ตามที่จำเลยที่ 3 ได้ใช้ หรือ ยุยงส่งเสริมจำเลยที่ 2 เพื่อมิให้เจ้าพนักงานตำรวจติดตามหาทรัพย์ของผู้ตาย เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิให้ต้องรับโทษตามกฎหมาย หรือให้ได้รับโทษน้อยลงอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ล่าสุดวันนี้ 20 พ.ย.2567 ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต นางสรารัตน์ หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย