เปิดขั้นตอนการ “ออกกฎหมาย” หากไม่ได้รับการพระราชทานคืนมาภายใน 90 วันหลังนายกฯ ทูลเกล้าฯ ไม่ได้แปลว่าร่างกฎหมายนั้นจะตกไปทันที
พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจในการตรากฎหมายทางรัฐสภา ซึ่งเรียกกฎหมายนั้นว่า “พระราชบัญญัติหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เมื่อรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่เป็นกฎหมาย จะเป็นกฎหมายใช้บังคับได้ก็ต่อเมื่อพระมหากษัติย์ทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา การที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย มีผลทำให้ร่างพระราบัญญัติไม่อาจใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ ถือว่าทรงใช้พระราชอำนาจยับยั้งร่างพระราชบัญญัตินั้น
ร่างกฎหมายฉบับใด ไม่ได้รับพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือพ้นไปแล้ว 90 วันไม่ได้พระราชทานคืน ไม่ได้แปลว่าร่างกฎหมายนั้นจะตกไปในทันที ให้รัฐสภาประชุมร่วมกันอีกครั้ง ตามมาตรา 146 รัฐสภาหรือ สส. และ สว. สามารถลงมติยืนยันร่างกฎหมายนั้นอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา (750 คน) หรือ สส. และ สว. รวมกัน 500 เสียง แต่ถ้าเสียงยืนยันไม่ถึงสองในสาม ก็จะเป็นอันตกไป
อำนาจยับยั้งร่างกฎหมาย (Veto) เป็นหนึ่งในอำนาจของประมุขของรัฐที่จะ “หน่วงเวลา” หรือไม่ประกาศใช้ร่างกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาเห็นชอบมาแล้ว เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติทบทวนร่างกฎหมายนั้นอีกครั้ง เพื่อให้กระบวนการตรากฎหมายรอบคอบและคำนึงถึงอำนาจจากฝ่ายต่างๆ อย่างครบถ้วน
จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้พระมหากษัตริย์สามารถยับยั้งร่างกฎหมายได้ใน 2 ลักษณะ
สำหรับกฎหมาย 3 ฉบับแรก เป็นการยับยั้งกฎหมายในสมัยรัชกาลที่ 9 ด้วยเหตุผลคือ ร่างพระราชบัญญัตินั้นมีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการพิสูจน์อักษร มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่สอดคล้องกัน และมีการอ้างเลขมาตราในร่างพระราชบัญญัติที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งในหลวงท่านทรงเห็นข้อบกพร่องนี้ จึงได้พระราชทานคืนมายังรัฐสภา เพื่อแก้ไขใหม่ และหลังจากรัฐสภาตรวจสอบแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ ใหม่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้เป็นกฎหมายในที่สุด
ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 10 เป็นครั้งแรกที่ทรงไม่ลงพระปรมาภิไธยในร่างกฎหมาย นั่นคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (ฉบับที่…) พ.ศ… ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ มีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการพิสูจน์อักษร มีถ้อยคำที่ไม่สอดคล้องกัน และการอ้างเลขมาตราในร่างพระราชบัญญัติไม่ถูกต้อง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่รัฐสภากำลังดำเนินการแก้ไขอยู่
เมื่อร่างกฎหมายได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม คือ การประกาศใช้ ให้นายกรัฐมนตรีรอไว้ 5 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย ซึ่งระหว่างนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 148 ระบุว่า หาก 1) นายกรัฐมนตรี 2) สมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของทั้งหมดของแต่ละสภาหรือทั้งสองสภารวมกัน กล่าวคือ ส.ส. 50 คน, ส.ว. 25 คน หรือ ส.ส. รวมกับ ส.ว. รวมกัน 75 คน เห็นว่า ร่างกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิฉัย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า มีข้อความที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญให้ตัดข้อความนั้นออกไป แต่ถ้าข้อความนั้นเป็นสาระสำคัญให้ร่างกฎหมายนั้นตกไป
เมื่อร่างกฎหมายได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว รัฐธรรมนูญ มาตรา 145 ระบุให้นายกรัฐมนตรีรอไว้ 5 วัน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ภายใน 20 วัน เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ก็ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้
เหตุที่ทำให้ร่างพระราชบัญญัติตกไปทั้งฉบับ มีดังนี้
ที่มา : ilaw , สถาบันพระปกเกล้า , luehistory
ข่าวที่เกี่ยวข้อง