กนง. "คง" ดอกเบี้ย 2.50% หากดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง มีผลอย่างไรต่อลงทุนอสังหาฯ

ต้องยอมรับว่า “ดอกเบี้ย” มีผลอย่างมากในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หากดอกเบี้ยสูงก็จะทำให้ผู้กู้มีภาระเพิ่มมากขึ้น และในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หากดอกเบี้ยนโยบายสูงจะส่งต่อผู้กู้รายเก่า และผู้กู้รายใหม่อาจชะลอการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้ ล่าสุดก็ยังคงเป็นฝันร้ายของคนที่เป็นหนี้กับแบงก์ หรือกำลังจะกู้ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด รายใหม่ เพราะดอกเบี้ยนโยบายของไทย ยังไม่ลดลง

ล่าสุดวันนี้ 12 มิถุนายน 2567 นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี

ทั้งนี้มีการให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกขยายตัวในระดับต่ำ โดยสินค้าส่งออกบางกลุ่มมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นและประเมินว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่โน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้

อย่างไรก็ตามมองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.6 และ 3.0 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยเศรษฐกิจในปีนี้ได้รับแรงส่งจากอุปสงค์ในประเทศที่สูงกว่าคาดในไตรมาสที่ 1 ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งการเบิกจ่ายภาครัฐที่กลับมาเร่งขึ้นในไตรมาสที่ 2

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ มีความกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และเห็นว่าการให้สินเชื่อควรสอดคล้องกับกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ (debt deleveraging) เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว จึงสนับสนุนนโยบายของ ธปท. ที่ให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้

ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ ได้มีการตระหนักถึงปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จึงสนับสนุนการใช้มาตรการที่ตรงจุด เช่น มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ที่มีศักยภาพซึ่งจำเป็นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับใครที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลเบื้องต้นที่นำเสนอ จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยมีผลต่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แน่นอน วันนี้จะพามาดูเพิ่มเติมว่า อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง มีผลต่อการลงทุนอสังหาฯ อย่างไร

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลต่อการลงทุนอสังหาฯ โดยตรง ดังต่อไปนี้

• ผลกระทบต่อนักลงทุน

การซื้ออสังหาฯ บ้าน หรือคอนโด จำหน่ายต่อ หรือปล่อยเช่า ย่อมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยไม่มากก็น้อยทั้งสิ้น ทั้งนี้หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ลูกค้าก็ไม่อยากซื้อบ้าน ซื้อคอนโด

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อบ้านหรือคอนโดเอาไว้จำหน่ายต่อปล่อยเช่า ก็จะปล่อย ได้ยากขึ้น ไม่มีกำไรได้ตามที่วางแผนไว้ แบกรับภาระค่างวดไว้ยาวนานหากไม่มีลูกค้าเช่า สุดท้ายก็อาจทำให้ผ่อนไม่ไหว ถูกยึด หรือต้องปล่อยขาย ปล่อยเช่าในราคาขาดทุน ทำกำไรไม่ได้

• ผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน

หากดอกเบี้ยปรับขึ้น คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ คนที่ต้องผ่อนชำระหนี้เมื่อซื้ออสังหาฯ หรือจะทำให้ค่างวดเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ เพราะไม่อยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ดอกเบี้ยสูงแบกรับภาระค่างวดผ่อนหนักเกินไป

• ผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคธุรกิจอสังหาฯ

การที่ผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายในช่วง การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อาจทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ชะลอตัวลง เนื่องจากไม่มีกำลังซื้อเข้าสู่ตลาดทั้งจากผู้อยู่อาศัยจริงและนักลงทุน ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯขายอสังหาฯ ไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อีกทั้งอาจทำให้ไม่มีกระแสเงินสดมาหมุนเวียนในธุรกิจ แต่ก็ต้องชำระหนี้ทางธุรกิจให้กับแบงก์ หรืออื่นๆ ดังนั้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ก็จะยิ่งต้องแบกรับภาระหนักขึ้นไปอีก

บทสรุปทั้งหมดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการชี้ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สรุปตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 “สวนหลวง” ทำเลทอง คอนโด-บ้านเดี่ยว ครองใจ

• ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้าง-ขายบ้าน ทำไมต้องมาสนใจวงการเกม ?

• 8 เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ใหม่มาแรง รับโลกแห่งอนาคต พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่