ฝุ่น PM2.5 ในช่วงนี้เรียกได้ว่า กำลังอยู่ในระดับสีส้ม-สีแดง ซึ่งถือว่า เป็นระดับที่มีผลต่อสุขภาพ ทำให้ต้องขอความร่วมมือทางภาครัฐและหน่วยงานต่างๆให้ Work from home (WFH) ในวันพฤหัสบดีที่ 15 และศุกร์ที่ 16 ก.พ. นี้
โดยเมื่อเวลา 07.00น. เว็บไซต์ airbkk.com ได้รายงานสถานการร์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพ พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม 72 พื้นที่ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีส้ม
ด้านชาวเน็ตตั้งคำถามมากมาย เพราะนอกจากจำเป็นจะต้องออกไปใช้ชีวิตแล้ว ยังมีลูกๆหลานๆที่ต้องไปโรงเรียน และมาตรการบางอย่าง ก็ทำได้แค่แก้ปัญหาระยะสั้นๆ เพราะถึงอย่างไรค่าฝุ่นก็ยังไม่ลดลง ทำให้ชาวเน็ตยกกรณีของ หมอกฤตไท ขึ้นมา เพราะถึงแม้ว่าจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเพราะฝุ่นPM 2.5 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ใช่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตัวคุณหมอนั้น เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังเป็นนักกีฬา และร่างกายแข็งแรงมาก
อย่างที่ทุกท่านทราบตัวผมเองเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลที่ชอบออกกำลังกายมากครับ แน่นอน ถึงผมจะพอมีความรู้ แต่ผมก็คือวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่ความฝันในการได้แชมป์บาสเกตบอลของผมมันใหญ่มากพอที่จะทำให้ผมไปซ้อมในวันที่ค่าฝุ่นแย่มากๆ ผมก็มองว่าร่างกายผมเนี่ยก็น่าจะฟิตอยู่แหละ เราไปออกกำลังกายได้ฝึกปอดฝึกหัวใจ สูดฝุ่นหน่อย ก็หักล้างกันไป ไม่เป็นไรหรอกคนอื่นก็สูดกัน ไม่เป็นไรหรอกน่า
แล้วผมก็เป็นมะเร็งปอดครับ ผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง ติดเครื่องฟอกอากาศ ทำห้องความดันบวก เพื่อให้อากาศมันสะอาดจริงๆคำถามที่ผมมี คือมันเป็นความรับผิดชอบของประชาชนจริงหรือไม่ ที่ต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอก ประชาชนหลายอาชีพเองก็ไม่ได้สะดวกพอที่จะหลีกเลี่ยงฝุ่นอันตรายนี้ ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะติดตั้งเครื่องมือที่จะเพิ่มคุณภาพอากาศที่พวกเขาต้องหายใจเข้าไปทุกวันนี้
และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในเพจ Drama-Addict ได้มีคุณแม่ท่านหนึ่งมาแจ้งเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 ว่า
จ่าคะ อยากให้ทุกโรงเรียนคิดเรื่อง PM 2.5 ที่มีผลต่อเด็กหน่อยค่ะ ถ้าฝุ่นเยอะจัดก็อยากให้เป็นออนไลน์ก็ได้ ฝุ่นมันเยอะจัด จนเด็กไป รร.แล้วเลือดกำเดาไหลวันเว้นวันเลยค่ะ รร.ก็บอกห้ามหยุด ใกล้สอบแล้ว และให้เด็กไปออกกำลังกลางแจ้งอีก แต่สุขภาพเด็กก็สำคัญไหมคะ มันจะระยะยาวเลย กลัวเด็กเป็นมะเร็งค่ะ
ด้านหมอกฤตไทเอง ก็เคยกล่าวไว้อีกว่า
เราจะแก้ปัญหาฝุ่นควันแบบเป็นปัญหา “เร่งด่วน” ไปทุกปีแบบนี้ไม่ได้นะครับ ผมน่ะ คงอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ แต่เด็กน้อยแสนน่ารักที่ทักทายผมในลิฟท์หลังจากที่ผมไปฉายแสงมาเมื่อวาน ผมแค่คิดว่าเด็กเหล่านั้นไม่ควรต้องมารับความเสี่ยงกับโรคร้ายหรือภาวะเจ็บป่วยเหมือนกับผม เขาควรจะได้มีสิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ คือการได้มีอากาศสะอาดหายใจ ได้เล่นบาสกับเพื่อนกลางแจ้ง โดยที่ไม่ต้องใส่หน้ากาก เขาไม่ควรต้องมาซื้ออากาศหายใจครับ ผมเพียงหวังให้เขาจะได้อยู่ในประเทศที่อากาศสะอาด และมีชีวิตที่สดใสร่าเริงไปได้นานที่สุดครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง