“โครงการแลนด์บริดจ์” เฉิดฉายบนเวที Roadshow สหรัฐฯ สุริยะ เผยเบื้องต้นนักลงทุน “สหภาพยุโรป-ตะวันออกกลาง-จีน-ญี่ปุ่น” ให้ความสนใจ
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในงานสัมมนาโครงการ “Thailand Landbridge Roadshow” พัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการผลิตและการขนส่ง จัดขึ้นโดยกระทรวงคมนาคม ณ ห้อง The Director ชั้น 3 โรงแรม เดอะริทซ์-คาร์ลตัน ‘โฮเต็ลคัมพานี (Ritz-Carlton Hotel Company)’ ว่า จากนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ผลักดันให้เดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอข้อมูลโครงการฯ (Roadshow) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2023 - มกราคม 2024 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา เพื่อดึงนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทย
สำหรับการ Roadshow ณ นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้โชว์ ความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการขนส่งทางทะเลของภูมิภาค และนำเสนอโอกาสในการลงทุนให้แก่นักธุรกิจที่สนใจที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในอนาคต โดยข้อมูลและข้อหารือของนักธุรกิจจากการทำ Roadshow จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการฯ และการพิจารณาในด้านการให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนต่อไป ทั้งนี้ จากการที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอรายละเอียดโครงการไปแล้วนั้น พบว่านักลงทุนในหลายประเทศมีความสนใจ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน และตะวันออกกลาง เป็นต้น
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์จะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2025 - 2024 โดยจะมีการคัดเลือกเอกชนในรูปแบบการประกวดราคานานาชาติ (International Bidding) สัญญาเดียว มีระยะเวลาสัญญาในการบริหาร 50 ปี ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) และทางรถไฟ ในส่วนของกลุ่มนักลงทุนนั้นจะต้องมีการรวมกลุ่มกันของทั้งผู้ประกอบการเดินเรือ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการท่าเรือ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนักลงทุนด้านอุตสาหกรรม ซึ่งกฎหมายใหม่จะถูกร่างขึ้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุน
ทั้งนี้ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 50 ปี จากการประเมิน พบว่า นักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ ด้านการเงินไม่น้อยกว่า 10% โดยมีระยะเวลาคืนทุนที่ 24 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินจากรายได้จากการบริหารท่าเรือ และขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนมีการพัฒนาเพิ่มเติมจากการอุตสาหกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยนั้น จะช่วยสร้างผลประโยชน์ด้านการเงิน และระยะเวลาคืนทุน จะดีกว่าการประเมินข้างต้นอย่างแน่นอน
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการแลนด์บริดจ์” จะเป็นเส้นทางการเดินเรือใหม่ของโลกและจะสามารถแก้ปัญหาของความล่าช้าในการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุนในหลายภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการเดินเรือ ผู้ให้บริการท่าเรือ ผู้ให้บริการการขนส่ง นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม นักลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ โดยทางหน่วยงานรัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่อให้โครงการแลนด์บริดจ์ออกมาเป็นรูปธรรม ตามแผนที่วางไว้ในการพัฒนาโครงการในพื้นที่ภาคใต้
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ของตำแหน่งที่ตั้งโครงการ โดยตั้งอยู่ ในพื้นที่ศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโครงข่ายด้านการคมนาคมของไทยที่ได้มีการพัฒนา มาอย่างต่อเนื่อง สามารถเชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคจนถึงตอนใต้ของประเทศจีนได้อย่างสะดวก และจะนำไปสู่การเป็นประตูการค้าในการนำเข้าและส่งออกที่สำคัญของภูมิภาค นอกจากนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ยังอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ที่ประกอบด้วยท่าเรือฝั่งตะวันตกเปิดออกไปสู่มหาสมุทรอินเดีย และท่าเรือฝั่งตะวันออกที่เปิดออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีการเชื่อมต่อกันด้วยทางรถไฟ และมอเตอร์เวย์ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร จึงทำให้แลนด์บริดจ์เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะเชื่อมโยงสองฝั่งมหาสมุทร
นอกจากนี้ จากปัญหาความหนาแน่นของการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา ที่เกิดจากการที่มีปริมาณเรือสินค้าจำนวนมากต้องเดินทางผ่านช่องแคบนี้ ซึ่งจำนวนของเรือเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี จากสัดส่วน ความต้องการในการบริโภคของประชากร ด้วยข้อจำกัดของการรับปริมาณเรือผ่านช่องแคบนี้ ทำให้เรือสินค้าจะต้องรอคิวเป็นระยะเวลานานในการผ่านไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะช่วยลดทั้งระยะทาง ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย และด้วยระยะเวลาที่สั้นลง และราคาที่ถูกลง ดังนั้น จึงมองว่าจะมีเรือสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะเรือสินค้าขนาดกลางจะหันมาใช้โครงการแลนด์บริดจ์มากขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อการเพิ่มปริมาณสินค้า ผ่านโครงการแลนด์บริดจ์อย่างมีนัยสำคัญ
นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้ายว่า
“ด้วยรายละเอียดตามที่กล่าวข้างต้น เป็นเหตุให้เกิดการเชื่อมโยงของสินค้านำเข้าและส่งออกของประเทศที่อยู่รายรอบทั้งด้านตะวันตก และตะวันออก และเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนสินค้าของประเทศทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดจนพื้นที่ตอนใต้ของไทย โดยกระทรวงคมนาคมจึงขอใช้โอกาสนี้ นำเสนอโอกาสในการเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้พัฒนาโครงการจากนักลงทุนทุกท่าน เพื่อความสำเร็จไปด้วยกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง