จุดพลุ ! บูม “โครงการแลนด์บริดจ์” เตรียมโรดโชว์

ไทยกำลังเดินหน้าบูมโครงการ “แลนด์บริดจ์” เพื่อเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดเตรียมลุยโรดโชว์ – พร้อมจ่อออกกฎหมายพิเศษ หวังโปรยยาหอม ตะวันออกกลาง จีน ยุโรป สหรัฐฯ คาดชัดเจนภายใน 2 ปี

นาทีนี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมารัวๆ โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ ที่มีการพูดถึงมากในขณะนี้ โดยหมายมั้นปั้นมือว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะยาว ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะเดินทางไปจัดงาน Thailand Landbridge Roadshow ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ภายในงาน Thailand Landbridge Roadshow นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเจ้าภาพจัดงานจะร่วมกันให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการ เช่น โอกาสทางธุรกิจ รูปแบบการลงทุน ศักยภาพทำเลที่ตั้งของพื้นที่โครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ โดยมีนักลงทุนภาคธุรกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน ทั้งสายการเดินเรือ ผู้บริหารท่าเรือ กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มผู้ลงทุนด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น

ซึ่งกลุ่มนักลงทุนต่างให้ความสนใจประเด็นโอกาสในการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ในอนาคตโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย - อันดามัน (ชุมพร - ระนอง) หรือ แลนด์บริดจ์ จะเป็นช่องทางการค้าแห่งใหม่เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าหลักระดับภูมิภาคและจะเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย และช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเลและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง อีกทั้งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการค้า ประกอบด้วย เขตการค้า เมืองท่าและเขตอุตสาหกรรม และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

“ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม ได้เดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้นานาประเทศได้รู้จักโครงการเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้มีนักลงทุนจากหลากหลายประเทศต่างให้ความสนใจโครงการเป็นอย่างมาก อาทิ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศฝั่งตะวันออกกลาง และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น”

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องทำกฎหมายพิเศษ และจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปี จะมีความชัดเจน ทั้งนี้กรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงาน และคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขอบคุณภาพจาก : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์