"เก่ง ธชย ประทุมวรรณ" ศิลปินหนุ่มที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยความความสามารถทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากลที่โดดเด่น ทำให้เก่งสร้างผลงานผสมผสานความเป็นไทยและสากลออกมาแบบที่เรียกว่าเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวและแปลกปลอมอยู่ในวัฒนธรรมไทย
คิดแปลกแตกต่างจึง "แปลกปลอม"
"เราเข้าใจว่าเราเป็นคนแปลกหรือว่างานของเรามันยูนีคมันแตกต่าง แต่บางมุมพอๆ เคยอยู่ในห้องแล้วเพื่อนคุยกันแล้วเราเหมือนคนแปลกหน้ามันก็จะรู้สึกประมาณนั้นครับ นี่คือชีวิตจริงๆ ที่มันเกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้นมันมีความคิดน้อยใจเกิดขึ้นอยู่หลายๆ ครั้ง แล้วก็แม้กระทั่งบางงานของเราที่เรารู้สึกว่าเราตั้งใจทำสิ่งที่เราเรียนมา คือวัฒนธรรมก็ดี หรือตั้งใจทำเพื่อคนไทยก็ดี น้อยครั้งที่ฟอลโล่มันจะจับมาที่ผม
"นอกจากมันไม่ใช่เรื่องที่ทอล์กออฟเดอะทาวน์หรือเป็นไวรัลจริงๆ งานของเก่ง เก่งมีความเป็นไทยแต่มีความเป็นประยุกต์อยู่ ดังนั้นถ้าผมไปอยู่ในไทยยิ่งเขาเป็นไทยจ๋าๆ ผมก็เป็นสิ่งแปลกปลอมในไทยจ๋าๆ ทางเดียวกันผมจะมาอยู่เพื่อนที่เป็นเพลงป๊อบผมก็เป็นสิ่งแปลกปลอมเพราะผมก็มีความเป็นวัฒนธรรมในงานของผมมันก็เลยต่าง"
ก็อยากให้ฟังผมมากขึ้น ตั้งใจดูและเปิดใจกับงานของเราจริงๆ เพราะว่าผมตั้งใจทำทุกๆ อย่างด้วยความตั้งใจและผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่ใช่แค่เจ็ดวันแล้วผมทำเพลง ดนตรีไทยผมเรียนมาทั้งชีวิตดังนั้นสิ่งตรงนี้มันเป็นตะกอนที่ตกตะกอนแล้วเราผลึกออกมาเป็นงานของเรา"
"ความเป็นไทย" ที่เข้าไม่ถึงคนไทย
เศร้าเนาะ เพราะคำถามมันคือสำหรับคนไทยด้วยและมันเป็นวัฒนธรรมไทยดังนั้นถ้าในโจทย์ของความเป็นธรรมชาติแล้วมันควรจะอยู่ในข้างในของเราทุกๆ คน มันควรจะเป็นความนิยม สิ่งที่ผมพยายามจะบอกมันไม่ใช่อยากให้เราเป็นชาตินิยมนะ
แต่บางอย่างเรารับของข้างนอกกันมามากเกิน รับมาเคยชินและหลงลืมของเก่า แล้วคราวนี้มันเคยชินปุ๊บรู้ตัวอีกทีนึงเราอาจจะกำลังลืมสิ่งที่เราเป็นก็ได้แล้วมันก็เลยเป็นแบบที่พี่บอกคือความเป็นไทยมันกลับกลายเป็นของที่ต้องไปดูในโรงละคร หรือว่าต้องเป็นต่างชาติเข้ามาดู
ผมเป็นเสียงของวัฒนธรรมไทย ความประหลาดคือเสียงของผมถ้าพูดในประเทศไทยมันไม่ได้ยิน แต่ถ้าผมก้าวเท้าออกไปข้างนอก ความประหลาดคือบางทีผมพูดเบากว่าที่อยู่ในบ้านด้วยซ้ำ แต่คนกลับไปโฟกัสตรงนั้นแล้วกลับได้ยิน
ทำให้ต่างชาติเห็นไม่เคยท้อเลยแต่ทำให้คนไทยโคตรท้อเลย คือต่างชาติเขาอย่างที่พี่บอกเขาค่อนข้างอเมซิ่งว้าวกับงานของเรา ไปกี่ครั้งเขาก็ตอบรับดีไม่ว่าจะดั้งเดิมก็ดีหรือแนวร่วมสมัยนะครับ เขาค่อนข้างจะสามารถยืนปรบมือให้กับโชว์เราทุกโชว์เลย
แต่แปลกมากกับคนไทยด้วยกันเอาใจยากมากทั้งๆ ที่เป็นวัฒนธรรมของเราเอง ท้อจนเลิกท้อและก็จนมาปรับความคิดเขาไม่ได้มาปรับที่เราเองแทน หลังๆ ก็เลยกลับมาคิดว่าไม่ต้องไปกังวลเขาจะเอาไม่เอาเราคิดแค่ในฐานะเราที่เราเกิดมาเป็นคนไทยเราทำมันสุดทางหรือยังแค่นั่นพอ
เสียงจากศิลปินไทยถึง "ภาครัฐ"
"มุมมองของแต่ละประเทศ ประเทศทางฝั่งเอเชียที่อยู่ๆ ก็ขึ้นมา เป็นที่ทั้งโลกจับตามองเพราะว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งเราก็เห็นประจักษ์กันอยู่แล้วประเทศอะไร แต่อาจจะไม่ใช่เป้าหมายหรือวิธีการเดินแบบที่บ้านเราอยากให้เป็น ดังนั้นถามว่าตรงนั้นเขาก็ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าการผลักดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ วัฒนธรรมของเขาคือมันอยู่ทั้งเพลง ละครเขาก็ใส่วัฒนธรรมเข้าไป วัฒนธรรมอาหารทุกอย่าง"
"และสุดท้ายมันคือการลงทุนโดยที่เขาเลือกจะลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์และมันก็มีรีเทิร์น เราอยากไปเที่ยวประเทศเขา เราอยากจะกินอาหารของเขา มาฝั่งของบ้านเรา เก่งว่าถ้าเกิดมีผู้ใหญ่ใจดีหรือเห็นความสำคัญตรงนี้ และอาจจะมีคนอยากทำตรงนี้เยอะขึ้น เพราะปัจจุบันมันน้อยลงและน้อยลงเรื่อยๆ ผมเหมือนคนที่ทำงานทุกวันแต่ผมก็พยายามกลับไปดูเรื่องระบบการศึกษา"
"ผมก็ถามครูของผม เขาก็บอกว่านักเรียนในปัจจุบันที่กลับมาที่มาเรียนดนตรีไทยมันน้อยลงเรื่อยๆ และสกิลก็น้อยลงเรื่อยๆ ทักษะความสามารถทางฝีมือดนตรีมันน้อยลงเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องน่ากลัวที่ภาครัฐควรจสนับสนุน ผมจะไม่ใช้คำว่ารณรงค์เพราะผมจะใช้คำว่ามันเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างว่ามันกำลังจะเกิดหายนะ ซึ่งเราได้ยินคำว่าเรามารณรงค์ให้วัฒนธรรมไทย สืบสานวัฒนธรรมไทย"
"ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก จนผมโต จนผมจะแก่แล้วผมก็ไม่ได้เห็นอะไรที่มันชัดจริงๆ มันคือเรื่องจริงที่เราเห็นจริงๆ คนนึงทั้งชีวิตคนไม่ได้เห็นอะไรที่มันชัดเจนเลย ถ้าสำหรับผมมันเป็นสถานการณ์เขาจะส่งสัญญาณบางอย่างที่เราควรจะต้องแล้วไหม แล้วความน่ากลัวคือเรายิ่งโต"
"คนที่เป็นเมล็ดพันธุ์เป็นต้นกล้าที่จะต้องโตออกมาต่อจากเรามันลดปริมาณน้อยลง แล้วความแข็งแรงของรากมันอ่อนแอลงเรื่อยๆ สวนทางกลับหลายคนที่พยายามจะบอกว่าวัฒนธรรมเราแข็งแรง มันแข็งแรงจริงๆ หรือ ถ้าคุณยังไม่ต่อยอดให้กับเด็ก แล้วๆ มันจะแข็งแรงอยู่อย่างที่คุณพูดจริงๆ ใช่ไหม"