ออกมา Call Out ทำไม? คุ้มไหมกับราคาที่ต้องจ่าย? สารพัดคำถามที่ "หมิว สิริลภัส" ต้องเจอหลังจากต้นสังกัดยกเลิกสัญญาโดยให้เหตุผลว่า "ทำตัวไม่เหมาะสม" อะไรคือเหตุผลที่เธอยอมแลกอนาคตตัวเองกับงานในวงการบันเทิง เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน
"หมิว สิริลภัส" ดาราที่ขอเป็นกระบอกเสียง
"หมิวรู้สึกว่าถ้ามันต้องแรกกับการที่เราจะสามารถเรียกร้องสิทธิให้กับคนที่เขาไม่เท่ากับเราได้ เราพร้อมจะเสียเพราะคนพวกเนี่ยคือคนที่สนับสนุนเรา ถ้าเราไม่มีเขา ถ้าเขาไม่ดูรายการเราล่ะ ถ้าเขาไม่มีเงินซื้อทีวีดูรายการเราล่ะ ถ้าเขาไม่มีเงินเติมเน็ตดูรายการเราล่ะ รายการเราก็อยู่ไม่ได้
เขาคือคนชนชั้นกลางมาถึงล่างที่รักเราที่เอ็นดูเราที่ยังดูละครเรา ที่ยังดูรายการเราอยู่ แล้วถ้าวันนึงเขาลำบากจนเขาไม่มี ไม่มีแม้แต่ทีวีที่จะดูแล้วใครจะมาดูเราถูกไหม หมิวเห็นถึงความเหลื่อมล้ำของสังคม 500 บาท เรากับห้า 500 บาท เขาไม่เคยเท่ากัน
หมิวก็เลยรู้สึกว่าทำไมคนเราจ่ายภาษีเหมือนกัน เบี้ยคนชรา เบี้ยคนพิการ ได้รับเท่าไหร่คุ้มไหมบางเดือนโดนเลื่อนนั่นคือค่าข้าวสารของเขาในแต่ละเดือน ถ้าเกิดเขาไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้ค่าข้าวสารของเขา นี่คือระบบการจัดการอะไร แล้วทำไมหมิวถึงออกมา หมิวถึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ถูกไหม"
"หมิว สิริลภัส" ดาราที่จ่ายค่า Call Out มากที่สุด
"หมิวก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ก็สาเหตุที่หมิวรู้คือหมิวทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นพิธีกรอันนี้คือสาเหตุที่หมิวโดนปลด ซึ่งหมิวก็ยอมรับในเมื่อเราทำตัวมาเหมาะสมเราก็ต้องออกก็ต้องทำตามคำสั่งที่ผู้ใหญ่สั่งมา แต่ก็ต้องบอกว่าค่อนข้างเป็นรายการที่ผูกพัน
หมิวค่อนข้างอินมากๆ กลับรายการและก็มันรู้สึกผูกพันเพราะว่าเราได้ช่วยเขาจริงๆ หมิวเคยเอาเงินให้พี่คนนึงแล้วได้เห็นเขาแบบไปซื้อชุดใหม่มาใส่ ไปซื้อกับข้าวดีๆ มากินแล้วเขาถ่ายรูปส่งมาให้เราดู แล้วเห็นเขานั่งกินอยู่กับแม่ แล้วแม่เขาแบบนั่งมองลูกเขาอย่างเนี่ย
มันคือสายตาที่แบบเราหาไม่ได้ หมิวเป็นโรคซึมเศร้าสิ่งพวกนี้มันเยียวยาจิตใจหมิวมาก ทุกคนที่เราออกไปหาเราออกไปช่วยเขา แล้วแววตาของความสุขเขาที่เราเห็น เราร่วมดีใจไปกับเขาด้วยคนไหนที่เราได้ช่วยเขาจริงๆ มันไม่ใช่รายการๆ นั่นมันคือครอบครัวหมิวไปแล้ว
แต่วันนึงที่แบบหมิวต้องออกจากครอบครัวนั่นมา โทรศัพท์สายแรกเลยคือหมิวโทรไปหาโปรดิวเซอร์ว่าหมิวขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน ทุกคนบอกว่าไม่เป็นไรทุกคนเป็นห่วงหมิวมาก ว่าหมิวจะเป็นยังไง หมิวไม่เป็นไรค่ะพี่ แต่หมิวต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนเดือนร้อน"
แรงกระแทก Call Out สู่การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด
"หมิวขนาดสติทำร้ายตัวเอง บางทีมันรู้สึกว่ามันเจ็บ แต่มันไม่อยากเจ็บที่ใจ มันอยากเจ็บตรงอื่น เราก็จะไปทำร้ายตัวเองตรงอื่นให้มันเจ็บตรงอื่นไม่เข้าใจเหมือนกันหมิวไม่ได้อยากทำ แต่หมิวไม่ได้อยากเจ็บที่ใจพอมันเริ่มเครียด
เริ่มมาอยู่คนเดียวหมิวรู้สึกว่าการดื่มเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองให้เราได้คิดทบทวนตัวเอง แต่บางทีบางครั้งมันเกินเส้นไปเกินคำว่าศิลปะไปแล้ว มันกลายเป็นว่าหมิวทำเป็นประจำจนเป็นกิจวัตรเป็นลูทีน มันกลายเป็นเหมือนแบบเราติดไปแล้วตอนนั้นก็รู้วัวว่าติดแต่ยังไม่ยอมรับตัวเอง
แต่พอมันเริ่มส่งผลมาเรื่อยๆ ว่ามือเราสั่นเราเขียนหนังสือ เราเขียนหนังสือแล้วเราบังคับไม่ได้ เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วมันเกินไป มันเกินไปแล้ว มันต้องรักษาก็เลยบอกคุณหมอว่าพร้อมจะรักษาแล้วหมิวไม่ไหวแล้วหมิวต้องดึงตัวเองกลับมา
ที่หมิวกล้าตัดสินใจออกมาพูดเพราะว่าหมิวรู้สึกว่าดาราก็เป็นคนๆ นึงเหมือนกัน เราเป็นคนธรรมดา ชีวิตมีเดินล้ม เดินพลาดมันผิดพลาดกันได้เหมือนคนทั่วไป เรามีอารมณ์เสียใจ เรามีอารมณ์เครียด เรารักคนผิดได้ เราทำผิดได้ เราแก้ปัญหาในวิธีที่มันผิดได้ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้มันสามารถเรียนรู้ได้
ยอมรับความผิดนั้น หมิวว่าสิ่งที่ยากที่สุดเลยคือการยอมรับว่าเราผิด เพราะทุกคนจะรู้สึกว่าไม่ ฉันไม่ได้ผิด อันนี้ก็ไม่เป็นเป็นไรเลยไม่ใช่ความผิดฉันนะ สิ่งที่ยากที่สุดคือเรายอมรับตัวเองว่าเราผิดแล้วเราแก้ไขมันให้ได้ นั่นจะทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์"