svasdssvasds

ความจริงจากปาก ณวัฒน์ โอกาสที่ประเทศเสียไป ท้องถิ่นภูเก็ตไม่ให้ใช้พื้นที่

ความจริงจากปาก ณวัฒน์ โอกาสที่ประเทศเสียไป ท้องถิ่นภูเก็ตไม่ให้ใช้พื้นที่

ที่แรก! เปิดความจริงจากปาก "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" กับโอกาสที่ประเทศต้องเสียไป หลังท้องถิ่นภูเก็ตไม่อนุญาตให้ "Miss Grand International 2021" ใช้พื้นที่จัดงานแฟชั่นโชว์บนถนนกลางของ "เมืองเก่าภูเก็ต"

กลายเป็นเรื่องราวที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับกรณีที่ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ประธานและผู้ก่อตั้ง Miss Grand International ได้โพสต์เอกสารที่ "นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต" เซ็นคำสั่งไม่อนุมัติให้กองประกวด "Miss Grand International 2021" ใช้พื้นที่บนถนนกลางของ "เมืองเก่าภูเก็ต"

จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเสียดาย เพราะกำลังจะเปิดประเทศ แต่ต้องพลาดโอกาสโปรโมตจังหวัดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้ชมความสวยงามของประเทศไทย โดยล่าสุดทาง "สปริงบันเทิง" ได้ต่อสายตรง เพื่อพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าวกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจทุกเรื่องราวเป็นที่แรกไว้ว่า

ไม่ใช้พื้นที่จัดงาน เพราะปัญหาคนท้องถิ่น?

"แน่นอนครับ เพราะว่าเทศมนตรีใช่ไหมครับ ตามตำแหน่งได้ส่งจดหมายกลับมาเป็นอย่างทางการแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เพราะว่าเราได้ทำจดหมายขอไป 2 ครั้ง และครั้งแรกนานมากแล้ว เขาก็แนะนำมาว่าให้จำกัดเวลาลงอีกนิดนึง เราก็แก้ไขโดยจำกัดเวลาลง ในจำนวนจำกัดก็คือเตรียมตัวก่อนการถ่ายทอด และถ่ายทอดเสร็จก็เก็บพื้นที่ให้

แต่ว่าในที่สุดก็ส่งกลับมา ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ ไม่สามารถจะจัดได้เนื่องจากเหตุผลคือคนท้องถิ่นตรงนั้น ที่ออกมาสัมภาษณ์คนหนึ่งและก็สื่อท้องถิ่นอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นที่หนักใจของเทศบาลหรือเปล่า เห็นเขาคุยกับลูกน้องผมว่า ก็ต้องเข้าใจเขาด้วย อย่างนายกเทศมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้งถูกไหมครับ ก็เป็นอย่างที่เห็นในเอกสารครับ"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ผิดหวังแผนโปรโมตประเทศ ไม่เป็นไปตามที่คิด ?

"ผมทำกิจกรรมนี้ขึ้นมา ผมได้รับคำแนะนำจาก ศบค. ในสมัยพลเอกฯ ณัฐพล นาคพาณิชย์ และได้ส่งต่อให้คุยกับผู้นำของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แล้วก็ส่งต่อให้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและผมได้ลงไปทำการประสานเบื้องต้น พร้อมกับหอการค้าจังหวัด

ได้พูดคุยกัน ถึงออกมาเป็นแพลนแบบนี้ เพราะผมคิดว่าอย่างน้อยๆ เรากำลังมีโมเดลแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งแซนด์บ็อกซ์เนี่ยเสียหายไปเยอะ เรื่องของการที่ฆ่าแหม่มสวิสฯ ที่มาจากโครงการแซนด์บ็อกซ์

เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ทำให้ภาพลักษณ์ของภูเก็ตค่อนข้างแย่ เพราะว่า Security สองหนึ่งในคนภูเก็ตโดยกำเนิดไปฆ่าเขาแบบนั้น และก็ข่าวมันกระหึ่มไปทั่วโลก ผมเลยคิดว่าไหนๆ ถ้าเราจะจัดแล้ว ก็ทำให้โอกาสที่จะทำให้คนลืมเรื่องไม่ดีๆ ให้มันจบๆ ไป

ผมก็คิดแค่นี้ ก็เลยตัดสินใจว่าในเมื่อผู้ใหญ่ติดต่อผู้ใหญ่หลายๆ ท่านในภูเก็ตให้แล้ว ผมก็ประสานและดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะเรียบร้อยดี แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเรียบร้อยเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นก็คิดว่าเดินหน้าต่อแล้วกัน ไม่อยากเสียความตั้งใจ

ก็เป็นอันว่าเราไม่ได้รับการซัพพอร์ตใดๆ นะครับ รวมถึงโรงแรมเราก็จ่ายเงินเองที่เชอราตันภูเก็ตทั้งหมด เราจ่ายไปเยอะมากแล้ว ที่จะต้อนรับสาวงามจากทั่วโลกและก็ทีมงานอีกประมาณห้าหกสิบชีวิต

เพราะฉะนั้นเรายังเต็มที่อยู่ เพียงแค่ว่าบางทีแค่ขออนุญาตใช้พื้นที่ เพื่อจะต้องนำเสนอให้คนนึกถึงภูเก็ตและอยากกลับมาเที่ยวภูเก็ตให้ได้ เขาก็ไม่อยากให้ใช้พื้นที่ ไม่ได้มีความร่วมมือในภาคส่วนใดๆ อีกเลย"

โอกาสที่ประเทศไทยเสียไป?

"ผมมีความรู้สึกว่าคนเราไม่ได้มองถึงภาพรวม แต่มองถึงความพอใจส่วนตนเป็นหลัก ถ้าคนเรายังมองถึงความพอใจของตนเป็นหลัก มันก็จะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นการที่มันเกิดขึ้นแบบเนี่ย ผมเข้าใจว่าคนๆ นั้นแยกแยะไม่ออกว่าเรากำลังทำอะไร เพียงแค่ว่าเป็นรสนิยมส่วนตัว จึงเอาทุกเรื่องมาเป็นข้อพิจารณาและข้อโต้แย้งและข้อกีดกัน แต่ผมก็ไม่แอนตี้นะครับ ก็แล้วแต่

ซึ่งผมให้ทางเลขาแปลเป็นภาษาอังกฤษเมื่อสักครู่นี้ น่าจะส่งอีเมลล์ไปถึงตัวแทน National Director ทุกประเทศแล้ว ขอยกเลิกกิจกรรมนี้  เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมาศึกษาเรื่องภูเก็ต เครียดที่จะ Speech

เพราะว่าผมมีคอนเซ็ปต์ก็คือแฟชั่นโชว์ประมาณ 70 ประเทศเนี่ย แต่งตัวจากโรงแรมและไปเก็บตัวเขาที่บริเวณร้านกาแฟร้านหนึ่งถึงสองร้าน เพื่อให้มันมีความเด่น เพราะเราต้องแต่งชุดบาบ๋าย่าหยา เตรียมที่จะไปเช่าชุดบาบ๋าย่าหยาในภูเก็ตเป็นการอุดหนุน ซึ่งขอใครเขาก็ไม่ให้ยืมฟรีนะครับ

ผมก็จะเช่าเพื่ออุดหนุนกัน ให้นางงามทุกประเทศแต่งตัวเป็นสาวภูเก็ตบาบ๋าย่าหยา เดินแฟชั่นโชว์ Red Carpet ในถนนถลาง ซึ่งเป็นแบล็คกราวน์สองข้างเป็นชิโนโปรตุกีส ซึ่งเราเคยทำมาแล้วปี 2018 ประสบความสำเร็จมาก 

เสร็จแล้วก็จะมีจุดโพสต์อยู่ตรงกลาง มีเวทีเล็กๆ มีไมค์ตั้งรอ ให้เขาครีเอทเตรียมพร้อมกันมาคนละ 15 วิ เขาก็จะพูดชื่อเขา นามสกุลเขา มาจากประเทศอะไร และก็รู้สึกยังไงที่มายืนอยู่ตรงนี้ในภูเก็ต ก็อยากเชิญชวนทุกคนมาที่ภูเก็ตอีกสักครั้งนึง

นี่คือ KEY MESSAGE ซึ่งอาจจะพูดถึงเรื่องอาหาร พูดถึงเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ พูดถึงเรื่องบรรยากาศ พูดถึงเรื่องทะเล พูดอะไรก็ได้หมด นี่คือ KEY MESSAGE ที่เราถ่ายทอดไปทั่วโลกครับ"

รสนิยมการเมือง คือต้นต่อปัญหา ?

"ต้องยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากรสนิยมทางการเมือง คือแน่นอนครับในสิ่งที่ผม Call Out ออกไป ผมชอบระบอบประชาธิปไตย ความแฟร์ ผมชอบที่ให้มันอยู่ในไบเบิ้ลของคำว่าประชาธิปไตย ซึ่งมันอาจจะไม่ถูกใจบางคนที่นั่น เพราะเขาไม่ได้ชอบแบบนั้น ก็อาจจะชอบการเป่านกหวีด ยึดอำนาจ และก็มีพรรคพวกได้เป็นรัฐมนตรีหรือเป็นใหญ่เป็นโต

ฉะนั้นเนี่ยมันต้องมีผลกระทบแน่ๆ แต่ผมคิดเพียงแค่ว่านึกว่าเขาเหล่านั้นจะแบ่งแยกออก ว่านี่คือโอกาสที่คุณจะทำให้คนได้มีโอกาสในการประชาสัมพันธ์และนำเสนอเรื่องราวดีๆ เพื่อบดบังเรื่องราวของแหม่มสวิสฯ ที่ถูกคนฆ่า แต่เขานึกไม่ออกและเขาไม่เข้าใจว่าเมื่อโควิดเกิดขึ้นและแซนด์บ็อกซ์มันเกิดขึ้นที่ภูเก็ต มันเป็นโอกาสก่อนใคร

ซึ่งน่าจะเห็นอีเวนท์เนี่ย เป็นอีเวนท์ที่โชว์ศักยภาพของภูเก็ต Welcome Back again กลับมาอีกครั้งกับภูเก็ต แต่ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจได้รสนิยมทางการเมือง ผมไม่สามารถจะไปชอบเหมือนคนบางคน ที่เขาชอบแบบนั้น ผมก็ขออภัยด้วยที่ผมไม่สามารถจะเป็นอย่างนั้นได้

ผมไม่ได้หนักใจ ทำได้เท่าที่ทำ แต่ถามว่าเปลี่ยนแปลงไหม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงก็ยังไปภูเก็ตเพราะว่าเราเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ข้อหนึ่งก็คือตัวแทนจากทั่วโลกซื้อตั๋วเข้าภูเก็ตไดเร็กแล้ว ไม่ได้ผ่านสุวรรณภูมิทุกคนครบแล้ว แล้วก็ขากลับจากสุวรรณภูมิกลับประเทศตัวเอง เพราะฉะนั้นเราเปลี่ยนแปลงขาเข้าไม่ได้แล้ว เรื่องเอกสารจากทั่วโลกเราทำแล้ว ก็คือหนังสือรับรองเข้าประเทศที่ภูเก็ตหมดแล้ว"

หน่วยงานเอกชนหลั่งไหลซัพพอร์ต ?

"จริงๆ ผมไม่ได้ขัดสนอะไรมาก เพียงแต่ว่าผมชอบน้ำใจ คนเราจะอยู่ด้วยกันได้เนี่ย มันต้องมีน้ำใจและนโยบายที่สำคัญ แตกต่างแต่ไม่แตกแยก แต่คนที่นั่นกำลังทำความแตกต่าง ให้เป็นความแตกแยก ซึ่งเสียดายที่คนไทยเห็นเหตุการณ์เนี่ย ถ้ารสนิยมไม่เหมือนกัน เขาก็บอกเลยเขาไม่อยากไปภูเก็ตอีกแล้ว ไม่อยากไปเที่ยวไม่อยากอะไร"

ความจริงจากปาก ณวัฒน์ โอกาสที่ประเทศเสียไป ท้องถิ่นภูเก็ตไม่ให้ใช้พื้นที่

ความจริงจากปาก ณวัฒน์ โอกาสที่ประเทศเสียไป ท้องถิ่นภูเก็ตไม่ให้ใช้พื้นที่

related