คนไทยเสี่ยงเป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารรสชาติเค็ม จึงทำให้จะมีการเก็บภาษีความเค็มใหม่ วันนี้จะพาเปิดรายละเอียดเก็บภาษีความเค็ม 4 กลุ่มอาหารโซเดียมสูง มีอะไรบ้าง ? ติดตามบทความ
คนไทยเสี่ยงเป็นโรคที่เกิดจากการกินเค็ม
รู้หรือไม่ ? ว่าคนไทยติดรับประทานอาหารรสชาติเค็มมาก ล่าสุดสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ออกมาเปิดเผยว่าคนไทยเป็นโรคไตกว่า 8 ล้านคน พร้อมแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดหลายโรคที่มาจากการรับประทานอาหารรสชาติเค็ม จึงทำให้กระทรวงการคลังเตรียมรีดภาษีความเค็มทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
รีดภาษีความหวาน 3,500 ล้านบาท/ปี หวังดูแลสุขภาพคนไทย กินหวานลดลง
ทนายรณณรงค์ ชี้ แม่ค้าน้ำส้ม เข้าข่ายมีความผิด ไม่เสียภาษีความหวาน
พารู้จัก 10 รายการหักลดหย่อนภาษี ที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษีปี2564
โดย ‘นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตไปศึกษาแนวทางการเก็บภาษีความเค็มเพื่อควบคุมปริมาณการใช้โซเดียมในส่วนประกอบของอาหาร เนื่องจากส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพ โดยเบื้องต้นจะใช้รูปแบบเดียวกับการจัดเก็บภาษีความหวาน ที่ใช้ปริมาณเป็นตัวกำหนดอัตราการเสียภาษี ส่วนจะเริ่มใช้เมื่อไหร่นั้นต้องรอดูความเหมาะสมความพร้อมของทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม ร้านอาหาร ผู้บริโภค
ส่องรายละเอียดภาษีความเค็มใหม่
ทั้งนี้ #สปริงนิวส์ สรุปสาระสำคัญของภาษีความเค็ม 4 กลุ่มอาหารโซเดียมสูง ที่จะมีการจัดเก็บภาษีมีดังนี้
1.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
2.อาหารแช่แข็ง/เย็น
3.ขนมขบเคี้ยว
4.ซอสปรุงรส
สำหรับข้อเสนอใหม่ที่จะมีการจัดเก็บภาษีความเค็มมีดังนี้
-อาหารความเค็มเกิน 1,800 มิลลิกรัม ปริมาณ 15% ของตลาด ขึ้นภาษี 50 สตางค์
-จะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 6 บาท เป็น 7 บาท
ในขณะที่ ‘นายสุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ’ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า ผลจากการบริโภคเค็มทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นโรค ดังนี้
-ความดันโลหิตสูง 13 ล้านคน
-โรคไตเรื้อรัง 8 ล้านคน ค่าใช้จ่ายฟอกไตปีละ 20,000 ล้านบาท
-หัวใจ 500,000 คน
-สโตรก 500,000 คน เบาหวาน 4 ล้านคน