"คลัง" จ่อชง ครม.ปรับโครงสร้างภาษีใหม่ เริ่ม 1 ต.ค.นี้ กรมสรรพาสามิตย้ำ ภาพรวมภาระภาษีต้องปรับขึ้น แต่จะพิจารณาให้รอบด้าน ขณะที่ผู้ค้าคาดราคาขยับขึ้นอีกตกซองละ 6-8 บาท
การทำธุรกิจทุกอย่างจะให้ถูกกฎหมายต้องเสียภาษีเข้ารัฐ เพื่อให้รัฐนำเงินภาษีไปพัฒนาส่วนอื่นๆ ของประเทศ ซึ่งภาษีบุหรี่ใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งภาษีที่มีการพูดถึงมากในปี 2564 นี้ เพราะมีข่าวว่าจะมีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อยู่ ซึ่งคาดว่าจะให้ทันใช้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ หลังจากที่มีเลื่อนการขึ้นภาษียาสูบที่จะปรับเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งจากเดิมที่เคยเก็บเพียง 20% จะมีผลสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้
ล่าสุดนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กล่าวว่ากรมสรรพสามิตได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง(รมว.คลัง) พิจารณาแล้ว
หลังจากนี้ คาดว่ารมว.คลัง จะนำเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากว่าโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวอีกว่ายืนยันว่ากรมสรรพสามิตได้มีการพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เคยเกิดในอดีต และตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลัก คือ
1.ด้านสาธารณสุข
2. ด้านเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. ด้านรายได้ของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง
4. ด้านการดูแล บริหารจัดการบุหรี่เถื่อน และบุหรี่ปลอม
ภายใต้โจทย์ทั้ง 4 เรื่องนี้ โครงสร้างภาษีใหม่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ค้าบุหรี่บางกลุ่มต้องการ เพราะว่ามีข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• “ภาษีบุหรี่” จุดอ่อนอันดับ 1 ของการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ของประเทศไทย
• โควิด-19 ทำสิงห์อมควันลดลง ซัดตลาดบุหรี่ 1.9 แสนล้านบาท สะเทือน !
• เลิกสูบ ลดเสี่ยง ติดบุหรี่แบบนี้ ติดโควิด-19 มีโอกาสทรุดหนัก
“ยังบอกไม่ได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะเป็นอัตราเดียว หรือ 2 อัตราเหมือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่โดยภาพรวมภาระภาษีจะปรับเพิ่มขึ้น เพราะภาษีใหม่ต้องตอบโจทย์ทั้ง 4 เรื่องหลักดังกล่าว และกรมสรรพสามิตรู้ดีกว่าจุดยืนของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร เช่น ในด้านสาธารณสุขก็จะมีความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ จึงอยากให้ขึ้นภาษีสูงๆ
ทั้งนี้รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุด้วยว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอให้กระทรวงการคลังนำโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในวันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เพื่อจะได้มีเวลาให้ ครม. พิจารณาตัดสินใจ หากมีข้อปัญหาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงก็จะมีเวลาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปได้ทัน และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ปีนี้
ซึ่งกรมสรรพสามิตจะมองด้านสุขภาพอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้อุตสาหกรรมบุหรี่ทั้งอุตสาหกรรมยังเดินหน้าต่อไปได้” นายลวรณ กล่าว
ขณะที่มีรายงานจากผู้ค้าบุหรี่ ระบุว่าขณะนี้ตลาดบุหรี่ได้เริ่มมีการกักตุนสินค้ามานานหลายเดือนแล้ว เพราะเป็นที่คาดการณ์กันว่าอัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน ถึงแม้มูลค่าจะไม่ปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40% ตามกฎหมายเดิม แต่อัตราการจัดเก็บขั้นต่ำตามมูลค่าของโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมากกว่า 20% แน่นอน แต่คงไม่ถึง 40%
เบื้องต้นมีการคาดการณ์กันในตลาดผู้ค้าบุหรี่ ว่าราคาบุหรี่หลังโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่มีผลบังคับใช้ ราคาขายปลีกบุหรี่อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น 6-8 บาทต่อซอง อย่างไรก็ตาม โครงสร้างภาษีบุหรี่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการเก็บตามปริมาณที่มวนละ 1.20 บาท บวกกับตามมูลค่า 20% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกไม่เกิน 60 บาทต่อซอง และ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกที่ราคาเกิน 60 บาทต่อซอง
โดยตามกฎหมายเดิม ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 การเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่าจะต้องเหลืออัตราเดียวที่ 40% ทุกชนิดราคาบุหรี่ ซึ่งทั้งผู้ค้าบุหรี่และชาวไร่ยาสูบไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้ราคาบุหรี่ปรับขึ้นสูงอย่างมาก
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ จะคงการจัดเก็บตามมูลค่าไว้ 2 อัตราเหมือนเดิม แต่จะปรับเพิ่มส่วนของอัตราล่างให้สูงขึ้น จากปัจจุบันที่เก็บ 20% รวมถึงอาจจะปรับจุดตัดช่วงราคาขายปลีกบุหรี่ จากปัจจุบันที่ 60 บาท เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บุหรี่ที่เสียภาษีในอัตราขั้นต่ำมีกำไรมากขึ้น และสามารถอยู่ได้
สำหรับ แนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ พิจารณาภายใต้แนวทางไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ซึ่งที่ผ่านมากกรมสรรพสามิตมีรายได้จากการเก็บภาษีบุหรี่เฉลี่ยปีละ 6 หมื่นล้านบาท ฉะนั้น หากมีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่รอบใหม่ก็จะต้องทำให้สอดคล้องกับการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่ผ่านมาด้วย