อังกฤษน่าจับตามอง ในรอบศตวรรษที่ผ่านมาสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปกว่าครึ่ง เพราะการผุดขึ้นของการทำปศุสัตว์ ฟาร์มการเกษตรและการนำเข้าของสัตว์ต่างถิ่น รวมไปถึงการขยายเมืองและเขตชุมชน ตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมา
สิ่งนี้เป็นผลการศึกษาที่น่าตกตะลึงที่ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอน ที่เปิดเผยว่า สหราชอาณาจักรคือหนึ่งในประเทศที่ทั่วโลกให้คะแนนที่ย่ำแย่ในการรักษาอาณาเขตของระบบนิเวศในการรักษา การปกป้องสัตว์และพันธุ์พืช
“ประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่สูญเสียทรัพยากรทางชีวภาพไปเยอะมากหากเทียบกับตะวันตก ยุโรปและประเทศสมาชิก G7 และชาติอื่นๆ เช่น จีน ซะอีก มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งและน่ากังวลในคราวเดียวกัน” ศาสตราจารย์ แอนดี้ เพอร์วิส นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในพิพิธภัณฑ์กล่าว
งานศึกษาของเพอร์วิสและทีมของเขาได้ถูกส่งต่อไปในการเจรจาออนไลน์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรึกษาหารือแก้ปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพ UN (COP15) ในอาทิตย์นี้ การพูดคุยนี้จะถูกตามติดในการประชุมสุดยอดความหลากหลายทางชีวภาพนานาชาติในเดือนเมษายนปีหน้า ณ คุนหมิง ประเทศจีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อากาศสะอาดอยู่ไม่ไกล เบอร์ลินผุดไอเดียถนนปลอดรถยนต์ เพื่อสิ่งแวดล้อม
บราซิลสูญเสียพื้นที่ป่าอเมซอนเทียบเท่ารัฐเท็กซัสและนิวเม็กซิโกรวมกัน
สำรวจสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ 10 สายพันธุ์แห่งปี 2021 ที่ต้องเร่งอนุรักษ์แล้ว!
การเจรจานี้จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือ ทีมของเพอร์วิสพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงการดึงค่าดัชนีความสมบูรณ์ให้สูงขึ้น (BII) ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ พืชและระบบฟังก์ใจมีมากขึ้น ค่าดัชนีนี้แสดงให้เห็นถึง การก้าวข้ามการพัฒนาของโลกความหลากหลายทางชีวภาพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ในทางกลับกันมันก็ลดลงเร็วมากด้วยเช่นกัน แม้ความหลากหลายทางชีวภาพจะยั่งยืนมานานเกือบตลอด 20 ปี แต่ค่าของมันก็ยังต่ำอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งลำดับการจัดการเรื่องนี้ของอังกฤษอยู่เกือบอันดับท้ายๆของโลกเลย
“ผลการวิเคราะห์ของเราพบว่าประเทศอังกฤษมีความสม่ำเสมอในการรักษาสมดุลความหลากหลายทางชีวภาพได้เพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น” ดร. แอดเดรียนา เดอ พัลมา นักวิจัยอาวุโสของพิพิธภัณฑ์กล่าว
ทั่วทั้งประเทศ ป่าไม้และทุ่งหญ้าถูกแผ้วถาง ถูกนำไปปลูกพืชการเกษตรเชิงเดี่ยวแทน ปัจจุบันพื้นที่กว่า 2 ใน 3 ของสหราชอาณาจักรถูกใช้เพื่อการเกษตร และอีก 8% ยังไม่มีเป้าการใช้งาน ฉะนั้นจึงมีพื้นที่เหลือให้กับธรรมชาติและระบบนิเวศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากการเผยค่าดัชนีก็ไม่แปลกใจเลย ในพื้นที่ห่างไกลอย่างทางเหนือของอังกฤษ สก็อตแลนด์ และเวลส์ ยังคงสามารถรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไว้ได้ แต่อย่าง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ มีแนวโน้มของการขยายเมืองเนื่องจากการแห่เข้าไปอยู่อาศัยมากขึ้นของประชากรมากขึ้น
ความหลากหลายทางชีวภาพที่เหลืออยู่บนโลกนี้มีอยู่ประมาณ 75% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน 90% ที่วางเอาไว้และถือเป็นขีดจำกัดในด้านของความปลอดภัยเพื่อจะมั่นใจได้ว่าโลกจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยทางนิเวศวิทยา ที่อาจก่อให้เกิดภาวะความอดอยากของมนุษย์ในอนาคต
อีกปัจจัยที่ทำให้ความหลากหลายของอังกฤษลดลงอย่างรวดเร็วคือการนำเข้าสัตว์ต่างถิ่น เช่น แมวป่าสก็อต หมาไม้ต้นสน คางคกนัทเทอร์แจ็ค นกพิราบเต่าและแมลง อย่าง จักจั่น แม้แต่การอยู่อาศัยของเม่นก็ถูกคุกคามจากสัตว์เหล่านี้ นอกจากนี้ การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่สัตว์เท่านั้น ชนิดของพืช เชื้อรา และจุลินทรีย์ในดินก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ากระบวนการฟื้นฟูค่อนข้างจะต้องมุ่งไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังกล่าวเตือนว่าอังกฤษไม่ควรนอกลู่นอกทางแล้ว ไม่งั้นคงต้องปล่อยให้ประเทศกำลังพัฒนาแบกรับภาระในการจัดหาสินค้าของเรารวมไปถึงให้พวกเขาปลูกพืชและผลิตอาหารของเรา และในขณะเดียวกันเราก็ต้องทุกข์ทนกับจำนวนที่ลดลงของสัตว์ป่าด้วยเช่นกัน
แม้ว่าอังกฤษจะดูเป็นประเทศที่ดูสงบและมีพื้นที่สีเขียวเยอะ แต่เรื่องการเกษตรและสินค้าการเกษตรก็มีเยอะเช่นกัน จึงทำให้มีการผุดขึ้นของฟาร์มเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกระบวนการเบียดเบียนที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า รวมไปถึงการนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นทำให้รบกวนต่อระบบนิเวศเดิม หากไม่หยุดขยายเมืองและฟาร์ม วิกฤตของความอดอยากก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ที่มาข้อมล The Guardian