วันนี้ 11 ส.ค. 2564 เป็นวันแรกแรกของการ ลดคุ้มครองเงินฝากที่จะลดลงจาก 5 ล้านบาท เหลือเพียง 1 ล้านบาท โดยใช้เงินกองทุนคุ้มครองผู้ฝากที่สถาบันการเงินส่งเงินสมทบเป็นประจำ 0.01% ของยอดเงินฝาก
11 สิงหาคม 2564 เป็นวันแรก ของการลดคุ้มครองเงินฝากที่จะลดลงจาก 5 ล้านบาท เหลือเพียง 1 ล้านบาท โดยใช้เงินกองทุนคุ้มครองผู้ฝากที่สถาบันการเงินส่งเงินสมทบเป็นประจำ 0.01% ของยอดเงินฝาก ประเด็นนี้หมายความว่าหากธนาคารล้มจากนี้ไปกฎหมายกำหนดให้ “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” ให้รับผิดชอบวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิด 1 ผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน รวมทุกบัญชี แต่ไม่นับรวมสถาบันการเงินอื่น
ซึ่งวันก่อน #สปริงนิวส์ ได้นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการลดคุ้มครองเงินฝากไปแล้วว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง แต่... วันนี้จะพาไปคุยกับแบงก์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนผู้ฝากเงิน โดย ‘อมรเทพ จาวะลา' ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ให้ข้อมูล 4 ประเด็นใหญ่ ดังนี้
อมรเทพ จาวะลา
1.ไม่อยากให้ประชาชนกังวล ให้มั่นใจเงินสำรองแบงก์ยังแข็งแกร่ง
2.การโยกเงินไปแบงก์อื่น คาดมีไม่มาก
3.การโยกเงินไปลงทุนอย่างอื่น คาดมีไม่มาก
4.หากรับความเสี่ยงได้ แนะนำขยับการลงทุนไปอย่างอื่นได้
โดยสรุปประเด็นแรก ‘อมรเทพ’ บอกว่า เรื่องการลดคุ้มครองเงินฝาก ไม่อยากให้ประชาชนที่มีเงินฝากในแบงก์ตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะคนที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท ในประเทศไทยมีไม่มาก และอยากให้ลูกค้ามั่นใจว่าเงินสำรองในแบงก์ต่าง ๆ ในประเทศไทยยังแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้เชื่อว่าการโยกเงินไปแบงก์อื่น ๆ ของผู้ที่มีเงินฝากจำนวนมากก็คาดว่าจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก
11 ส.ค. 64 วันแรกของการลดความคุ้มครองเงินฝาก
ในส่วนของการโยกเงินไปลงทุนอย่างอื่น ๆ ที่นอกจากการฝากเงินคาดว่ามีไม่มากเช่นกัน เพราะคนยังมั่นใจว่าการฝากเงินกับแบงก์ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเอาไปลงทุนอื่น ๆ ในยามที่เศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ส่วนคำแนะนำ สำหรับใครที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท แล้วกล้าที่จะรับความเสี่ยงได้ ก็อาจลองโยกเงินไปลงทุนอื่น ๆ ที่อาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน แต่ก็ขอย้ำเสมอว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุน’