เทรนด์รักสุขภาพ มาแรง ! แห่ตั้งบริษัททำธุรกิจสมุนไพร โตเท่าตัว ในรอบ 10 ปี
โควิด-19 เป็นตัวผลักดันให้หลายธุรกิจให้เติบโต ในยุคที่คนไทยต้องเผชิญกับโรคระบาด ซึ่งปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจดูแลตัวเองด้วยสมุนไพรไทย ทำให้มีการแห่ตั้งบริษัททำธุรกิจสมุนไพร เติบโตขึ้นเท่าตัว ในรอบ 10 ปี ติดตามเรื่องนี้ในบทความ
โควิด-19 ทำคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ต้องยอมรับว่าโควิด-19 ทำให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหาร การกิน ทำให้เทรนด์รักสุขภาพมากแรงมาก ๆ ในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องของสมุนไพรได้รับความนิยมอย่างมาก มีคนพูดถึงกันมากในช่วงนี้ จึงทำให้คนที่สนใจทำธุรกิจหันมาทำธุรกิจสมุนไพรมากยิ่งขึ้น
มีข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า มีบริษัทแห่ตั้งธุรกิจสมุนไพร 112 ราย โตเท่าตัวในรอบ 10 ปี โดยตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมิถุนายน 2564 และครึ่งปีแรก 2564 เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 112 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 10 เท่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• "อัศวิน " มอบเครื่องดื่ม สารสกัดสมุนไพร ให้ผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างรอเตียง
• คนโบราณใช้รักษาโรค!!! 5 สมุนไพร ไทยใช้เป็นยาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า
• 8 สมุนไพรไทย รอบบ้าน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านไวรัส
แห่เปิดบริษัทใหม่ในธุรกิจสมุนไพร
โดย ‘นายทศพล ทังสุบุตร’ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ มีจำนวน 6,093 ราย เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,921.90 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก
ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 649 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 301 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร จำนวน 240 ราย คิดเป็น 4%
ส่วนการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก 2564 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 41,022 ราย เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 133,208.18 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก
ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 3,539 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,844 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร จำนวน 1,132 ราย คิดเป็น 3%
นับว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงมาก ๆ สำหรับธุรกิจสมุนไพรที่เติบโตในยุคโรคระบาดเช่นนี้ ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีนักธุรกิจรายใหม่หลายรายหันมาทำธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในครึ่งปีหลังของปี 2564 ใครที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรที่อยากลองทำธุรกิจก็ลองศึกษาดู เพราะตลาดกำลังไปได้ดี !
