พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยัน พร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลงานของทัพ “ช้างศึกชุดเอเชี่ยนเกมส์” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การปลด “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ออกจากตำแหน่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยัน พร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลงานของทัพ “ช้างศึกชุดเอเชี่ยนเกมส์”
โดยประมุขวงการฟุตบอลไทย กล่าวว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอล หรือการพัฒนากีฬาทุกประเภท จะต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบและทุกมิติ ซึ่งระยะเวลา 2 ปี เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยไปสู่ความเป็นเลิศ อย่างทีมชุดที่ส่งไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ คุณวิทยา เลาหกุล และ คุณวรวุธ ศรีมะฆะ จึงเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 23 ปี เลือกที่จะไม่ใช้เอานักเตะอายุเกินเล่น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปรีโอลิมปิกส์
นอกจากนี้การเตรียมทีมก็เจอกับอุปสรรคเนื่องจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ทำให้ไม่สามารถเรียกนักเตะจากสโมสรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้จะมีการพักเบรคเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สโมสรก็ตาม ทำให้ทีมนี้จึงเป็นทีมที่ยังไม่พร้อมสมบูรณ์เต็มร้อย นอกจากนี้นักกีฬาสังกัดสโมสรมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถรวมตัวฝึกซ้อมด้วยกันได้ ซึ่งแตกต่างจากฟุตบอลหญิง ที่ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ได้มีการเตรียมความพร้อม มีการเก็บตัวตลอดมาทั้งปี โดยไปเก็บตัวที่ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่า พยายามทำให้ดีที่สุดกับทีมชาติทุกชุด ตามเงื่อนไขที่อำนวยตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
“บิ๊กอ๊อด” กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการทำงานของสมาคมฯ ในวันนี้ ตั้งเป้าไว้ที่เยาวชน ซึ่งจะผลิดอกออกผลในอีก 10 ปีข้างหน้า ยกตัวอย่างในขณะนี้ สมาคมฯได้ส่งเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน เพราะทีมชาติไทยชุดนี้จะเป็นตัวแทนในการเล่นรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ปี 2026 ซึ่งเหตุผลที่เริ่มจากรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เพราะว่าในปี 2026 ทวีปเอเชียจะได้โควตาสำหรับไปเล่นในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าโอกาสของทีมชาติไทยมีมากขึ้น จึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้เพื่อผลอีก 8 ปีข้างหน้า
นายกสมาคมลูกหนังไทย กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนตัวขอวอนแฟนบอลอย่าดูเพียงผลแพ้-ชนะ เข้าใจแฟนบอลทุกคน แต่เมื่อมีความคาดหวัง ต้องมีความผิดหวัง ลองย้อนกลับไปมองทีมชาติเยอรมัน เป็นอดีตแชมป์โลก ยังตกรอบแรกการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ เรื่องนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะทำอะไรต่อจากนี้ต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล โดยมองว่า การเปลี่ยนโค้ชไม่ใช่ทางออก คือหลังจากที่ทุกคนทำหน้าที่เสร็จสิ้น กลับมาต้องคุยกัน สรุปสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาอุปสรรคว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อหาแนวทางแก้ไข แล้วค่อยสรุปกันอีกที ต้องคุยด้วยเหตุและผล ไม่เคยตัดสินโดยการฟังกระแส หรืออคติใดๆ จะต้องฟังเหตุผลก่อนตัดสินใจ
โดยเชื่อว่า แฟนบอลส่วนใหญ่เข้าใจ ซึ่งทราบดีว่า ในสังคมโซเชียลมีทั้งหวังดีและไม่หวังดี อย่างไรก็ตามทางสมาคมฯ จะทำอะไรก็แล้วแต่จะยืนอยู่บนหลักข้อมูลและเหตุผล ไม่ใช่เมื่อจบรายการแข่งขันทุกรายการจะต้องปลดโค้ช เปลี่ยนโค้ช มันไม่ใช้เรื่องที่เราทำด้วยความรู้สึกหรือทำตามกระแส โดยไม่ได้ปกป้อง คุณวิทยา หรือ คุณวรวุฒิ ไม่ได้ปกป้องทีมงาน และนักกีฬา แต่เป็นหลักการทำงานของตน และพร้อมชี้แจงการทำงาน ตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะฉะนั้นวันนี้บอกเลยว่ายังไม่คิด หรือตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลจากโค้ชทีมงานผู้ฝึกสอน หรือนักกีฬาก่อน เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่มีเหตุผลและจะเข้าใจ