svasdssvasds

เคยสงสัยไหมทำไมองค์กรชอบเก็บคน Toxic เอาไว้จนคนเก่งเลือกลาออก

เคยสงสัยไหมทำไมองค์กรชอบเก็บคน Toxic เอาไว้จนคนเก่งเลือกลาออก

เคยสงสัยไหมทำไมองค์กรชอบเก็บคน Toxic เอาไว้จนคนเก่งเลือกลาออกงานวิจียของ Klaus Templer มีคำตอบ ที่อาจส่งผลถึง การลดจำนวนพนักงาน การปิดแผนก

SHORT CUT

  • งานวิจัยของ Klaus Templer ชี้ว่าผู้ที่มีลักษณะของบุคลิกภาพมืดมิด (Dark Triad) และมีระดับความซื่อสัตย์-ถ่อมตนต่ำ มักจะมีทักษะทางการเมืองสูง ซึ่งรวมถึงความสามารถในการสร้างเครือข่าย การเข้าสังคมอย่างเฉลียวฉลาด และการสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น
  • หัวหน้างานบางคนอาจชื่นชอบและให้รางวัลแก่พนักงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับตนเอง
  • แม้ว่าคนที่เป็นพิษอาจดูเหมือนจะสร้างผลงานได้ในบางสถานการณ์ แต่การปล่อยปละละเลยพฤติกรรมเหล่านี้อาจนำไปสู่การที่พนักงานที่มีความสามารถและเป็นคนดีเลือกที่จะออกจากองค์กรไป

เคยสงสัยไหมทำไมองค์กรชอบเก็บคน Toxic เอาไว้จนคนเก่งเลือกลาออกงานวิจียของ Klaus Templer มีคำตอบ ที่อาจส่งผลถึง การลดจำนวนพนักงาน การปิดแผนก

เป็นเรื่องที่น่าฉงนใจและอาจสร้างความไม่พอใจให้กับหลายๆ คน เมื่อสังเกตว่าเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าที่แสดงพฤติกรรมที่เป็นพิษ (Toxic) กลับประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในหน้าที่การงาน พฤติกรรมเหล่านี้อาจรวมถึงการเห็นแก่ตัว เอาเปรียบผู้อื่น ขาดความเห็นอกเห็นใจ หรือแม้กระทั่งการแสดงความก้าวร้าวและเป็นปฏิปักษ์ 

นักวิจัยอย่าง Klaus Templer จากมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ได้ทำการศึกษาในประเด็นนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่เป็นพิษสามารถก้าวหน้าในองค์กรและการเมืองได้จริง แม้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจไม่ชัดเจนในตอนแรกก็ตาม เมื่อคนเหล่านี้เริ่มไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ความต้องการที่จะก้าวข้ามผู้อื่นก็ผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็ในสายตาของผู้มีอำนาจที่อาจมีลักษณะที่เป็นพิษคล้ายคลึงกัน

Templer มองว่า บุคลิกภาพที่มืดมิด (Dark Triad) เป็นแกนหลักของบุคลิกภาพที่เป็นพิษ ซึ่งประกอบด้วยแนวโน้มที่จะ แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่น (Machiavellianism), การมีจิตใจที่แข็งกระด้างและไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Psychopathy), และ การต้องการเป็นศูนย์กลางความสนใจอย่างมาก (Narcissism) นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่า การมีคะแนนต่ำในมิติของ "ความซื่อสัตย์-ถ่อมตน" ก็เป็นคุณสมบัติหลักของพนักงานที่เป็นพิษ คนเหล่านี้มักมีลักษณะของความเห็นแก่ตัว วางแผนร้าย ชอบโกง และโกหกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

ถึงแม้พฤติกรรมเหล่านี้ดูเหมือนจะขัดขวางความสำเร็จ แต่ในทางตรงกันข้าม บางครั้งบุคคลเหล่านี้กลับได้รับรางวัลเป็นเงินเดือนที่สูงขึ้นและการเลื่อนตำแหน่ง ปรากฏการณ์ที่ดูขัดแย้งนี้สามารถอธิบายได้ด้วยปัจจัยสำคัญคือ ทักษะทางการเมือง (Political Skill) ซึ่งเป็น "ความสามารถทางสังคมที่รวมถึงความสามารถในการสร้างเครือข่าย ความเฉลียวฉลาดทางสังคม อิทธิพลระหว่างบุคคล และความจริงใจที่แสดงออกมา" Templer พบว่า ผู้ที่มีบุคลิกภาพมืดมิดและมีทักษะทางการเมืองสูง มักจะได้รับการประเมินผลงานที่สูงจากหัวหน้า เป็นไปได้ว่าหัวหน้างานบางคนเองก็อาจจะเคยไต่เต้าขึ้นมาด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกัน จึงให้รางวัลแก่คนที่พวกเขาเห็นว่า "เหมือนกัน" 

การวิจัยของ Templer ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ถูกเพื่อนร่วมงานประเมินว่ามีลักษณะไม่ดี กลับได้รับการประเมินที่ดีจากหัวหน้า

นอกจากนี้ องค์กรเองก็อาจมีเหตุผลในการเก็บรักษาบุคคลที่เป็นพิษไว้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะสร้างความไม่พอใจและความเครียดในที่ทำงาน แต่ผู้บริหารอาจเชื่อว่าพวกเขาจำเป็นต่อการดำเนินมาตรการที่ยากลำบาก เช่น การลดจำนวนพนักงาน การปิดแผนก หรือการเจรจาต่อรองกับสหภาพแรงงาน บางครั้งองค์กรอาจมองว่าการมีคนที่พร้อมจะ "ต่อรอง" และ "เคลียร์งานได้เร็ว" แม้จะสร้างความกดดันให้ผู้อื่น ก็เป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม

การเก็บรักษาคนที่ไม่ทำงานหรือมีพฤติกรรมเป็นพิษไว้นานๆ อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่า คือ การไล่คนเก่งๆ ออกไปจากองค์กร

ในทางตรงกันข้าม Templer พบว่า ผู้ที่มีความถ่อมตนอย่างแท้จริงจะได้รับการประเมินผลงานที่ดีจากการเป็นผู้ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานเป็นทีม ซึ่งหมายความว่าคนซื่อสัตย์และคนที่มีบุคลิกมืดมิดมีวิธีการที่แตกต่างกันในการได้รับการประเมินผลงานที่ดี

โดยสรุปแล้ว คนที่เป็นพิษสามารถประสบความสำเร็จในที่ทำงานได้ด้วยหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ การมีบุคลิกภาพที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและการขาดความเห็นอกเห็นใจ ควบคู่ไปกับทักษะทางการเมืองที่เฉลียวฉลาด ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความประทับใจและได้รับการยอมรับจากผู้มีอำนาจ นอกจากนี้ องค์กรบางแห่งอาจมองเห็นประโยชน์บางประการในการมีบุคคลเหล่านี้ไว้เพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แม้ว่าจะมีผลกระทบด้านลบต่อบรรยากาศและความพึงพอใจของพนักงานโดยรวมก็ตาม การเข้าใจถึงกลไกเหล่านี้อาจช่วยให้เราตระหนักถึงพลวัตในที่ทำงานและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

อ้างอิง

PsychologyToday / BrandThink / FutureTrend /

related