SHORT CUT
อย่าพยายามควบคุมคนอื่น แต่ให้ใช้ทฤษฎี "ปล่อยให้เขาเป็นไป" (Let Them Theory) ที่มีรากฐานมาจากพุทธศาสนาดำเนินชีวิตของเราต่อไป
เราเคยรู้สึกเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของคนอื่นหรือไม่? เช่น เสียเวลาไปหลายชั่วโมงกับการคิดวนเวียนว่าทำไมหัวหน้าที่ทำงานไม่ชวนเราเข้าประชุม ทำไมรถคันนั้นถึงปาดหน้าเราบนถนน ทำไมเพื่อนไม่ชวนเราไปเที่ยว หรือทำไมเพื่อนของเรายังคบกับแฟนคนเดิม ทั้งที่แฟนเพื่อนนิสัยเฮงซวยสุดๆ !
บางครั้งเราอาจเผลอใช้พลังงานไปกับการควบคุมหรือกังวลว่าคนรอบตัวจะทำอะไร คิดอะไร หรือแม้แต่จะตัดสินใจอย่างไร จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเราเอง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเราหวังให้พวกเขาเปลี่ยนไปตามที่เราคิดว่าถูกต้อง แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไร เรากลับยิ่งเครียดและผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
วันนี้เราจะพามารู้จัก ทฤษฎี "ปล่อยให้เขาเป็นไป" (Let Them Theory) ซึ่งจะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีหยุดเสียเวลาหมกมุ่นกับเรื่องของคนอื่น และหันมาโฟกัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากขึ้น
แนวคิดนี้เพิ่งได้รับความนิยม โดย ‘เมล ร็อบบิ้นส์ (Mel Robbins)’ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและกูรูด้านการพัฒนาตนเองชาวอเมริกัน ซึ่งมีผู้ติดตามหลายล้านคนใน Instagram
ร็อบบิ้นส์ออกหนังสือ “The Let Them Theory” ในปี 2024 และติดอันดับ New York Times Bestseller อย่างรวดเร็ว จนสื่อใหญ่อย่าง CNN และ The New York Times ถึงขั้นต้องไปสัมภาษณ์ผู้เขียน เพราะมีคนบนโลกออนไลน์จำนวนมากบอก ‘หนังสือนี้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาจริงๆ’
เพราะการเลิกพยายามควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่นนั้นมีประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงแต่สำหรับตัวคุณเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนรอบข้างคุณด้วย เมื่อเราไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้อง 'แก้ไข' หรือ 'ช่วยเหลือ' คนอื่น เราจะสามารถยอมรับพวกเขาในแบบที่พวกเขาเป็นได้ง่ายขึ้น
เมื่อเราไม่พยายามเปลี่ยนแปลงผู้คน ความรู้สึก หรือการกระทำของพวกเขาอีกต่อ จะส่งผลให้เรากลับมามีพละกำลัง และโฟกัสว่าอะไรที่มีประโยชน์ เช่น กลับมาทำอะไรที่ตัวเองสนใจจริงๆ ใช้เวลากับเพื่อนกลุ่มอื่นที่เราสบายใจมากกว่า
นี่ไม่ใช่การไม่สนโลก แต่คือการทำความเข้าใจว่าขอบเขตของอิทธิพลเราสิ้นสุดที่ตรงไหน และยอมรับว่ามีบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ซึ่งก็คือสถานการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิต ดังนั้นแทนที่จะเสียเวลา เราควรโฟกัสที่การกระทำและการตอบสนองของตัวเอง
เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ดังนั้นแทนที่จะเสียเวลาหมกมุ่นกับพวกเขา เราควรโฟกัสที่การกระทำและการตอบสนองของตัวเอง ที่ทำให้จิตใจสงบ และอารมณ์แจ่มใสอีกครั้ง
แน่นอนว่า ทฤษฎี "ปล่อยให้เขาเป็นไป" ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ครอบจักรวาล ผู้เขียนแนะนำว่าบางเรื่องก็ปล่อยไม่ได้ เช่น เห็นคนอื่นทำสิ่งที่อันตรายมากๆ หรือหากคุณเห็นใครบางคนถูกเลือกปฏิบัติ คุณอาจต้องลุกขึ้นมาพูดและแสดงจุดยืน
นอกจากนี้ คุณต้องรู้จักเรียกร้องสิทธิ์และสิ่งที่คุณต้องการเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองเงินเดือนที่สูงขึ้น หรือออกมาปกป้องตัวเองบ้างหากใครละเมิดขอบเขตของคุณซ้ำๆ
ทฤษฎี "ปล่อยให้เขาเป็นไป" ไม่ได้ปราศจากเสียงวิจารณ์ เนื่องจากบางคนโต้แย้งว่าทฤษฎีนี้เป็นเพียงการลอกแนวคิด สโตอิก (Stoicism) ของกรีกโบราณมาเปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้น แต่ร็อบบิ้นส์ก็ตอบเพียงแค่แนวคิดของเธอ ได้แรงบันดาลใจมาจากพุทธศาสนา, ทฤษฎีการปล่อยวาง (Detachment Theory) ,สโตอิก และทฤษฎียอมรับอย่างสุดขั้ว (Radical Acceptance) มารวมๆ กันเป็นแนวคิดรุ่นใหม่ที่ใช้ได้จริง
ที่มา : huffpost,melrobbins
ข่าวที่เกี่ยวข้อง