Gen Z ขาดวินัยจริง หรือแค่วัฒนธรรมต่างกัน? เมื่อวัยเก๋ากับเด็กใหม่ต้องทำงานร่วมกัน แล้วอะไรคือทางออก? คำตอบอยู่ใน 4 วิธีเปลี่ยนความต่างให้กลายเป็นพลังในออฟฟิศ
เรามักเห็นข่าวคร่าวว่าบริษัทปฏิเสธรับ Gen Z เข้ามาเป็นพนักงาน ด้วยเกรงว่ากังวลเรื่องความไม่เป็นมืออาชีพ ขาดทักษะการสื่อสาร ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ฯลฯ แต่มีอีกกระแสที่บอกว่า ไม่ได้ ออฟฟิศเราต้องเปิดรับพนักงานรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มดีกรีความหลากหลายทางความคิด ซึ่งอาจเกิดไอเดียใหม่ ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ
“พี่นั่งรอตั้งนาน ทำไมมาสายไป 5 นาที”
“บูมเมอร์ก็แบบนี้แหละ เข้าใจเขาหน่อย”
นั่นแหละ สารพัดคำปรามาส สารพัดคำพูดเชิงลบ ที่สาดเทใส่กันระหว่างพนักงาน Gen Z และบรรดารุ่นเก๋าที่ทำงานมานาน ผู้ที่ยังยึดติดกับระเบียบวัฒนธรรมเก่า กอดจูบเก้าอี้อันหวงแหนไม่ยอมไปไหน เมื่อโลกสองใบที่แตกต่างกัน โคจรมาบรรจบกันย่อมเกิดปัญหา ข้อพิพาท พาลให้ออฟฟิศมีบรรยากาศที่ไม่น่าทำงานเอาเสียเลย
คำถามคือ Gen Z ก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง มีคลังความรู้ของโลกยุคใหม่ เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมแบบใหม่ ขณะเดียวกัน คนรุ่นเก่าก็พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ และสารพัดวิธีการแก้ไขปัญหาที่ผ่านการเครี่ยวกรำมาหลายสิบปี แต่ถ้ามัวแดกดัน และไม่ลงรอยกันอยู่แบบนี้ บรรยากาศที่ไม่ดีในออฟฟิศ จะพาลไปส่งผลให้งานไม่ดีตามไปด้วย
ดังนั้น ถ้าทั้งสองมีเจตนาดี พร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อผลประโยชน์ของออฟฟิศ แล้วจุดกึ่งกลางระหว่าง Gen Z และบรรดาวัยเก๋าทั้งหลาย มันอยู่ตรงไหน SPRiNG มี 4 ทริคมาแชร์กัน
แต่ก่อนอื่น เรามาลงรายละเอียดกันหน่อย สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่าง Gen Z กับรุ่นเก๋า อันสร้างความไม่ลงรอยกัน ถ้ากางออกมาดู จริง ๆ แล้วมันมีอะไรบ้าง แล้ว มนุษย์ Gen Z เท่านั้นหรือที่เป็นต้นตอปัญหา ?
ด้านบนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าเราจะแก้ปัญหาที่ว่ามานี้ได้อย่างไร บทความจาก Forbes แนะนำ 4 วิธีหาจุดตรงกลาง (Bridging The Gap) ซึ่งได้รับการพิสูจย์ยืนยันมาแล้วจากออฟฟิศในระดับ Global ว่าลองปรับใช้แล้วเวิร์ก !
ลองดู แค่ 4 วิธีนี้ พนักงานไม่ว่าวัยใด จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น เห็นใจ เกรงใจ และให้เกียรติคนอื่น ๆ ทรีตกันและกันเป็นพนักงานคนหนึ่ง ตัดเรื่องส่วนตัวออกไปให้ได้มากที่สุด เพราะสุดท้าย พนักงานก็แค่มนุษย์ที่มาแก้ปัญหาในชายคาเดียวกันเท่านั้นเอง !
ที่มา: Forbes
ข่าวที่เกี่ยวข้อง