SHORT CUT
Squid Game2 ไม่เพียงแต่เป็นซีรีส์ที่มาพร้อมความระทึกใจ แต่ยังมี 5 ประเด็นที่เป็น "กระจก" สะท้อนความเป็นจริงในสังคมเรา
Squid Game ไม่เพียงแต่เป็นซีรีส์ที่มาพร้อมความระทึกใจ และฉากที่ท้าทายจิตใจ แต่มีการสะท้อนประเด็นทางสังคมไว้อย่างแยบยล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความสิ้นหวังของคนธรรมดาในระบบที่ไม่เป็นธรรม และการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในโลกที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจเงินและอภิสิทธิ์ชน
นี่คือ 5 ประเด็นที่เป็น "กระจก" สะท้อนความเป็นจริงในสังคมเรา โลกที่เราอยู่ ไม่ต่างอะไรจากในเกม
การแข่งขันถูกผลักดันไปถึงขีดสุด ผู้เล่นเข้าร่วมเกมที่โหดร้าย ที่มีเดิมพันคือชีวิตและความตาย จากการเป็นเพื่อนร่วมเกมที่เห็นใจต่อกัน เมื่อเข้ารอบลึกๆ ก็กลายเป็นศัตรูต่อกัน แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันที่ไม่มีการควบคุมที่แน่นอน สามารถทำลายความเห็นอกเห็นใจ
ส่วนในชีวิตจริง แม้ในชีวิตประจำวันเราจะไม่ได้เผชิญกับการเดิมพันที่สูงถึงชีวิต แต่สภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงไม่ว่าจะในโรงเรียน ที่ทำงาน หรือในสังคม ก็สามารถส่งผลคล้ายกันได้ เมื่อผู้คนแย่งชิงการเลื่อนตำแหน่ง เกรด หรือโอกาสความก้าวหน้าต่างๆ เรามักลืมคุณค่าของการร่วมมือกันและความมีน้ำใจต่อกันในสังคม และความสำเร็จในสังคมมักอยู่บนความพ่ายแพ้ของคนอื่น
แม้ว่าโทษของผู้แพ้อาจไม่ถึงตาย แต่การถูกเขี่ยทิ้ง หรือถูกตราหน้าว่าพ่ายแพ้ ก็เทียบเท่าไม่มีตัวตนในสังคมได้
ผู้เล่นทุกคนในเกมต่างเข้าร่วมด้วยความสิ้นหวัง ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินท่วมตัว การล้มละลายทางการเงิน หรือไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายของชีวิตได้ ซึ่งในเกมสถานการณ์ที่สุดโต่งสามารถบีบบังคับให้คนทำสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ แม้จะเป็นการกระทำที่เลวร้ายก็ตาม
ในชีวิตจริงปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากเผชิญกับความยากลำบากคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน การทำงานที่กดขี่ ซึ่งความสิ้นหวังนำไปสู่การทำเรื่องอันตรายในโลกความจริงเช่น ทำร้ายคนอื่น กราดยิง ก่อจลาจล ซีรีส์นี้จึงเน้นย้ำถึงผลกระทบของจิตใจมนุษย์ เมื่อต้องอดทนอยู่กับความไม่แน่นอนในชีวิตตลอดเวลา
แม้ในเกมจะอ้างว่า "ยุติธรรม" โดยให้โอกาสทุกคนเท่าเทียมกันในการคว้าเงินรางวัล แต่เมื่อได้เล่นกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากแต่ละเกม ถูกออกแบบให้มีความลำเอียงต่อผู้เล่นทุกคน ผู้ที่อ่อนแอที่สุดจะถูกทอดทิ้งอย่างรวดเร็ว คนที่แข็งแกร่งจะจับกลุ่มกัน และสามารถทำร้ายผู้เล่นคนอื่นได้ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงระบบในโลกความเป็นจริงหลายอย่าง เช่น การศึกษา การจ้างงาน หรือกระบวนการยุติธรรม ที่มักแสดงตัวว่า "ยุติธรรม" แต่กลับเอื้อประโยชน์ต่อบางกลุ่มมากกว่า บทเรียนจากเรื่องนี้คือการตระหนักและตั้งคำถามต่อความลำเอียงในระบบ
ใน Squid Game ซีซั่น 2 มีการให้ผู้เล่นโหวต O เล่นต่อ และ X คือเลิกเล่นอยู่ตอนท้ายเกมทุกครั้ง แต่ผู้จัดเกมฉลาดตรงเอาเครื่องหมาย O และ X ไปติดบนเสื้อผู้เล่นเพื่อย้ำเตือนให้ผู้เล่นคนอื่นๆ เห็นว่าแต่ละคนโหวตอะไร เมื่อผู้เล่นเห็นผู้เล่นคนอื่นๆ เครื่องหมายไม่ตรงกับตัวเองจึงเกิดความอคติ มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูโดยสัญชาตญาณ
เรื่องนี้ผู้กำกับ ‘ฮวังดงฮยอก (Hwang Dong-hyuk) ’ ได้แรงบันดาลใจจาก โลกปัจจุบันมีความแบ่งแยกในสังคมมากมาย ดังนั้นที่พักที่ผู้เข้าแข่งขันใช้รับประทานอาหารและนอนหลับ จึงถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงการแบ่งแยก และไม่ลงรอยกัน โดยมีเส้นสีแดงและสีน้ำเงินที่ยาวระหว่างสัญลักษณ์ O และ X ซึ่งแสดงผ่านไฟ LED ที่ชัดเจน
ท้ายที่สุด ความเห็นต่างที่เริ่มต้นจากเพียงการเลือกข้างหรือการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ สามารถกลายเป็นเชื้อไฟที่นำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง แม้ในโลกที่ดูเหมือนจะมีกฎระเบียบและโครงสร้างที่ชัดเจนก็ตาม
จะเห็นได้ว่าผู้ชนะมีความมั่งคั่งที่ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด แต่กลับสูญเสียสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือเพื่อน ความสงบในจิตใจ และความเป็นตัวเอง ตอนจบที่สะเทือนใจนี้ตั้งคำถามว่า: ชัยชนะจะมีความหมายอะไร หากต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเกินไป
ในโลกที่มักให้รางวัลกับความเห็นแก่ตัว ความเห็นอกเห็นใจยังคงเป็นหนึ่งในพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จาก Squid Game ทั้ง 2 ซีซั่น จะเห็นได้ว่า แม้ท่ามกลางความสิ้นหวังและการทรยศ บางตัวละครยังแสดงความเห็นอกเห็นใจและการเสียสละอย่างลึกซึ้ง การกระทำเหล่านี้โดดเด่นในฐานะช่วงเวลาที่แสดงความเป็นมนุษย์และทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าจดจำ
ท้ายที่สุด Squid Game อยากให้เราตระหนักว่า ความสำเร็จไม่ควรแลกมาด้วยการสูญเสียตัวตน และในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การรักษาความเป็นมนุษย์และความเมตตาไว้คือชัยชนะที่แท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง