ณ เวลานี้ หลายเมืองทั่วโลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านรถบัส รับ-ส่ง นักเรียนไปใช้รถบัสไฟฟ้า ด้วยเห็นว่ารถบัสที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซลมีผลต่อสุขภาพของเด็ก และบางรุ่นถูกใช้มายาวนานจนมีบางส่วนชำรุดสึกหรอ
การเปลี่ยนไปใช้รถบัสไฟฟ้าคือการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเด็ก ๆ พวกเขาจะมีอากาศที่สะอาดหายใจ ลดความเสี่ยงเรื่องการเกิดอุบัติเหตุด้วยการออกแบบที่คำนึกถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อาทิ การติดตั้งประตูฉุกเฉินบานใหญ่ไว้หลังรถ
ควันดำ หรือไอเสียจากรถดีเซลก่อให้เกิดมลพิษจำนวนมาก รวมถึงฝุ่น PM 2.5 และในภาพใหญ่คือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นอกจากนี้ เด็ก ๆ ที่สูดดมมลพิษไปนานเข้าอาจมีผลกระทบทางร่ายกายหลายประการ อาทิ โรคทางเดินหายใจ โรคหอบหืด และมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าการสูดดมไอเสียมาก ๆ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
ข้อมูลจากสำนักสิ่งแวดล้อมสหรัฐ เปิดเผยว่า ผลกระทบของมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้มีคนป่วยเป็นโรคหัวใจ 3,700 ราย และเสียชีวิตราว 8,800 ราย และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
เด็กกว่า 90% ในสหรัฐฯ เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถบัส ด้วยปัญหาทางสุขภาพที่กล่าวไป สหรัฐฯ จึงเริ่มทะยอยเปลี่ยนผ่านไปใช้รถบัสไฟฟ้าเพื่อรับ-ส่งนักเรียน ด้วยหวังข้อดีว่าลดความเสี่ยงมลพิษในเด็ก มีเสียงเบา เด็กที่บ้านอยู่ไกลและต้องอยู่บนรถนาน ๆ ก็ไม่ต้องทนสูดดมไอเสียแบบที่เคย
เมื่อรถบัสโรงเรียนเปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ต้องถูกตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยผู้ผลิตรถบัสไฟฟ้าต้องผ่านมาตรฐานโลก อาทิ SAE J2929 และ ISO 26262 ซึ่งมีไว้เพื่อตรวจสอบแบตเตอรี่ และตัวควบคุม หากไม่ผ่านมาตรฐานก็ไม่สามารถใช้วิ่งบนท้องถนนได้
เมื่อปี 2022 รัฐนิวยอร์กผ่านกฎหมายซึ่งระบุว่ารถบัสโรงเรียนทุกคันต้องเปลี่ยนเป็นใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2035 พร้อมกับมอบเงินสนับสนุนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่าน
*EPA มอบเงินช่วยเหลือ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมอบให้กับรัฐต่าง ๆ ในการเปลี่ยนไปใช้รถบัสไฟฟ้าเพื่อประโยชน์แก่สุขภาพของเด็กนักเรียน และสิ่งแวดล้อม
เมืองนิวยอร์กจ่ายเงินก้อนแรก 18.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดซื้อรสบัสไฟฟ้า 51 คัน โดยใช้ชื่อว่า NYC BUS สีเหลืองอร่าม เพื่อใช้รับ-ส่งนักเรียนทั่วนิวยอร์ก และแน่นอนว่าต้องมีการลงทุนเพื่อสร้างสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นตามเส้นทางการวิ่งของรถโรงเรียนด้วย
อย่างไรก็ดี แม้เปลี่ยนไปใช้รถบัสไฟฟ้าแล้ว แต่ยังออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อาทิ ที่นั่งสูง พนักพิงหลังสูง มีประตูทางออกฉุกเฉินด้านหลัง หลังคารถสามารถเปิดปิดได้ และที่สำคัญคือมีระบบนับนักเรียน หมดปัญหารถบัสบรรทุกนักเรียนเกินความจุ
เมื่อปี 2022 BYD (Build Your Dreams) ได้เปิดตัวรถบัสโรงเรียนไฟฟ้า Type A ซึ่งเป็นรถบัสที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ตัวรถมีสีเหลืองขลิบดำ มี 30 ที่นั่ง มีประตูฉุกเฉินติดตั้งไว้ท้ายรถ ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ไกล 225 กิโลเมตร
BYD เปิดเผยว่า รถบัสโรงเรียนไฟฟ้าถูกออกแบบโดยคำนึกถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ อาทิ ตัวถังเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง ระบบเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ปลอดภัย และเชื่อถือได้ที่สุด ณ เวลานี้
คุณสมบัติอื่น ๆ คือมีเสียงเบา ซึ่งว่ากันว่าคนขับกับนักเรียนสามารถสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้น มีอุปกรณ์ป้องกันครบครัน เหมาะแก่เด็ก และผู้พิการ ซึ่งทาง BYD เปิดเผยว่าการออกแบบของรถบัสไฟฟ้าครั้งนี้ สามารถช่วยปรับปรุงพฤติกรรมเด็กได้ ลดการกลั่นแกล้ง ซึ่งนำไปสู่การไม่รบกวนคนขับ
ข้อมูลระบุว่าประเทศนี้มีรถบัสโรงเรียนทั้งหมด 51,000 คัน บรรทุกนักเรียนกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ และกว่า 70% ยังคงเป็นรถบัสดีเซลอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปลี่ยนไปใช้รถบัสโรงเรียนไฟฟ้าทั่วประเทศ ภายในปี 2040
ในปี 2017 เมืองออตโตวาเริ่มเปลี่ยนไปใช้รถบัสโรงเรียนไฟฟ้า 13 คัน ซึ่งเมื่อมีการเก็บข้อมูลด้านสภาพอากาศ พบว่า การเปลี่ยนรถบัสดีเซลไฟใช้รถบัสไฟฟ้าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 17-20 ตันต่อรถบัสหนึ่งคัน/ปี และหากรถทุกคันทั่วเมืองเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้าทั้งหมด จะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 340,000 ตันต่อปี
มหาอำนาจโลก และผู้ผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้ารายใหญ่กำลังเร่งเปลี่ยนผ่านรถบัสโรงเรียนให้เป็นระบบไฟฟ้าเช่นกัน หลาย ๆ เมืองใหญ่ อาทิ ปักกิ่ง เซียงไฮ้ กวางโจว และอื่น ๆ มีรถบัสโรงเรียน EV วิ่งรับส่งนักเรียนแล้ว
เร็ว ๆ นี้ เมืองปักกิ่ง ได้จัดซื้อ Foton AUV รถบัสไฟฟ้า จำนวน 400 คัน ภายนอกตกแต่งด้วยสีเขียวมิ้นต์ มี 3 ประเภทแบ่งตามความยาว ได้แก่ 6 เมตร 8 เมตร และ 12 เมตร เพื่อใช้รับส่งเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
รถบัส Foton AUV ผ่านการทดสอบมาหลายด่าน อาทิ กันชน มาตรฐานแบตเตอรี่ มีเบาะนุ่มพิเศษ มีเข็มขัดนิรภัย มีประตูฉุกเฉินออกด้านหลัง กระจกถูกออกแบบให้กวางเป็นพิเศษ และทุกคนต้องได้นั่งทุกคน ห้ามยืนห้อยโหนเป็นอันขาด
รัฐบาลกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จัดหารถบัสโรงเรียนไฟฟ้า 28 คันเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้จัดหามาเพิ่มอีก 50 คัน โดยตั้งเป้าว่ารสบัสโรงเรียนในกรุงโซลทุกคัน (ราว 4,400 คัน) จะเปลี่ยนไปเป็นระบบไฟฟ้าภายในปี 2030
โดยทางกรุงโซลให้เหตุผลว่าเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพของเด็ก ๆ โดยรถบัสไฟฟ้าจะใช้รับส่งศูนย์รับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐบาล เรียนพิเศษ หรือแม้แต่ทัศนศึกษา สำหรับรถบัสไฟฟ้าในกรุงโซลมีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน อาทิ BYD, Yutong, King Long, Foton เป็นต้น
ที่มา: BYD, Seoul Metropolitan Government, Chinabuses
ข่าวที่เกี่ยวข้อง