ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ วอนรัฐจริงจังเรื่องพลังงานสีเขียว ทั้งผลักดันให้นำเทคโนโลยีมาใช้งานมากขึ้น ช่วยเอกชนลดต้นทุนในการดำเนินงานหลังบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เร่งเดินหน้า ESG อย่างหนัก
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนากรุงเทพธุรกิจ Sustainability Forum 2024 ว่า อุณหภูมิของโลกปัจจุบันสูงขึ้นถึง 1.4 องศาเซลเซียส ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนน้ำทะเลสูงขึ้นราว 65 เมตร ตอนนี้ขั้วโลกเหนือและกรีนแลนด์น้ำแข็งละลาย ทำให้มีปริมาณของน้ำสูงขึ้น 7 เมตร ถ้าขั้วโลกใต้น้ำแข็งละลายทำให้ปริมาณน้ำจะสูงขึ้น 58 เมตร สิ่งที่เราทำได้คือความพยายามในการรักษาปริมาณน้ำแข็งและผืนดินไม่ให้สัดส่วนแตกต่างกันมากเกินไป
และจะเกิดอะไรขึ้นหากอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้น นั่นหมายถึงภัยที่จะกระทบประชากรโลกที่มีกว่า 400-500 คน ส่วนจะทำอย่างไรให้ประชาชนตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยธรรมชาติและใส่ใจในเรื่องลดการใช้พลังงาน ต้องไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลแต่ต้องเป็นในเรื่องของการลงมือทำให้เกิดผลจริง
นอกจากนี้ กว่า 65 ประเทศทั่วโลก มีเป้าหมายเรื่องการทำ Net Zero ให้สำเร็จภายในปี 2050 เพื่อให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2.4 องศาเซลเซียส และถ้าจะทำให้บรรลุเป้าหมายต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือปล่อยได้เพียง 33,000 ล้านตันคาร์บอนในปี 2030
ทั้งนี้ ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก 59,000 ล้านคาร์บอน/ปี มาจาก
ประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ได้แก่ จีนและสหรัฐอเมริกา ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 19 และการที่ภาคเอกชนเดินหน้าจะต้องมีแผนงานและการสนับสนุนที่ชัดเจน
ยกตัวอย่างเรื่องของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัททั้งเครือของเรามีพนักงานกว่า 4.5 แสนคนทั้งในไทยและต่างประเทศ การที่เราจะกระตุ้นให้โครงการใดๆ ประสบความสำเร็จ เรามีการให้รางวัล เช่น สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ อาจารย์ของเราเวลาจะคิดกิจกรรมให้เด็กๆ ทำร่วมกันและมีการจัดประกวดผลงานและให้รางวัล จะทำให้พวกเขาอยากเดินหน้าทำสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างในประเทศของเราคนไทยมีน้ำใจ อยากให้ประชาชนทำอะไรก็ควรมี incentive ไม่ใช่แค่แผนการเลื่อนลอยถ้าอยากให้ใครทุ่มเททำอะไรก็ต้องชัดเจนและเต็มที่
ดังนั้น เป้าหมายใหญ่ของ CP Group ในการทำเรื่องของรักษ์โลก คือ
ปี 2022 เครือเจริญโภคภัณฑ์มีปริมาณของเสียไปฝังกลบเพียง 10% และพยายามลดตัวเลขนี้ให้น้อยลงไปอีก แม้จะสวนทางกับธุรกิจที่มีการเติบโต ด้วยการลดการใช้พลังงานในการขนส่ง บรรจุภัณฑ์ เช่น
ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์มีการปลูกต้นไม้เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Carbon Neutral ปี 2563-2565 ไปแล้วกว่า 8.2 ล้านต้น และเป้าหมายของปี 2030 ในแผนที่ 1-2 คือ
ส่วนแผนที่ 3 เป็นแผนต่อเนื่องที่ทำให้สำเร็จตามกำหนดการได้ยาก แต่จะพยายามไปให้ถึงได้ นั่นคือ
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการที่จะเดินหน้าเรื่องของ Sustain ให้สำเร็จได้จริง จำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและอิสระในการทำงานมากขึ้น เช่น เรื่องพลังงานต้องให้ EGAT มีมาตรการด้านคาร์บอนที่ชัดเจนร่วมกับรัฐและเอกชน หรือ เรื่องของพลังงานสีเขียวของไทยยังแพงกว่าต่างประเทศ หากอยากแข่งขันได้ก็ต้องหามาตรฐานราคาที่เหมาะสม
ตอนนี้ทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีแผนงานและเดินหน้าเรื่อง ESG กันมากขึ้น รัฐก็ต้องมีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ ดึงดูดให้ทุกระดับของธุรกิจมาทำเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม