ไทยมีป่าไม้ 101 ล้านไร่ เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ ระยอง ป่าเพิ่มขึ้น

ป่า คือ แหล่งต้นน้ำ แม่น้ำ คือ เส้นเลือดใหญ่ของสิ่งมีชีวิต และป่ายังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ รวมถึงป่าไม้ช่วยผลิตออกซิเจนทำให้อากาศบริสุทธิ์ และลดมลพิษทางอากาศ ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันอนุรักษ์ป่า เพราะป่าในประเทศไทยเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุด ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เผยว่า ได้รับทราบข้อมูลผลการจัดทำข้อมูลพื้นที่ป่าไม้ ปี พ.ศ. 2567 ของกรมป่าไม้ ที่ร่วมกับ ศูนย์วิจัยป่าไม้ ของคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการสำรวจในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว

แม้ในภาพรวมพื้นที่ป่าของประเทศยังอยู่ในระดับที่ถือว่าคงตัว คือ ร้อยละ 31.46 ของพื้นที่ประเทศ หรือ 101,785,271.58 ไร่ แต่จากการสำรวจทำให้ได้เห็นข้อมูลพื้นที่ป่าในรายจังหวัดที่ชัดเจน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น เช่น เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ ระยอง ในส่วนนี้ ต้องขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินงานจนเห็นผลการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า จากผลการสำรวจดังกล่าวข้างต้น ได้กำชับไปยังกรมป่าไม้ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอให้เร่งดำเนินการเพิ่มพื้นที่ป่าในพื้นที่ความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ และพี่น้องประชาชน ชุมชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันปลูกเสริม และดูแลรักษาพื้นที่ป่าที่มีอยู่ให้มีการขยายตัวตามธรรมชาติให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการปลูกสร้างสวนป่าเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการจัดทำป่าชุมชนเพื่อการใช้ประโยชน์และดูแลรักษาร่วมกันของชุมชน
 

อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังนั้น การฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ และการเพิ่มพื้นที่ป่าจึงเป็นนโยบายที่สำคัญประการหนึ่งของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ได้กำชับให้กรมป่าไม้ และหน่วยงานในระดับพื้นที่เร่งเพิ่มพื้นที่ป่าอย่างจริงจัง ซึ่งการเพิ่มพื้นที่ป่านั้น นอกจากประโยชน์โดยตรงที่จะได้พื้นที่ป่าไม้โดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว

นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่ เป็นแหล่งทรัพยากร แหล่งอาหาร แหล่งต้นทุนทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนอีกด้วย และที่สำคัญคือ ยังเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน ปี ค.ศ. 2065 ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ต่อประชาคมโลกไว้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• วิจัยเผย ป่าไม้แบบผสม รับมืออากาศสุดขั้วได้ดีกว่าป่าเชิงเดี่ยว

• ป่าหายไปไหน ? เข้าใจวิกฤติป่าไม้ไทย กับ ดร.ขวัญชัย ดวงสถาพร

• ส่องตลาดซื้อขาย “คาร์บอนเครดิตไทย” ภาพรวมไม่ปัง ภาคป่าไม้ราคาดีสุด