svasdssvasds

ทำไมต้องมี พรบ.ชาติพันธุ์ คืนสิทธิคนอยู่กับป่าหรือให้อภิสิทธิ์

ทำไมต้องมี พรบ.ชาติพันธุ์ คืนสิทธิคนอยู่กับป่าหรือให้อภิสิทธิ์

ชาติพันธุ์สำคัญอย่างไรกับคนเมือง? จับตากฎหมายในสภา ในป่าควรมีคนอยู่ไหม? เมื่อ “คนอยู่กับป่า” ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดมาเนิ่นนาน

SHORT CUT

  • ชาติพันธุ์ในไทยคือคนไทย ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ คนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในป่ามาช้านานก่อนรัฐจะมีกฎหมายป่าไม้ และมีสิทธิที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมในแผ่นดินนี้
  • กฎหมายใหม่ = คืนสิทธิ ไม่ใช่ให้อภิสิทธิ์ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ใช่การให้สิทธิพิเศษ แต่เป็นการแก้ความเหลื่อมล้ำจากการถูกกันออกจากระบบกฎหมายเดิมที่ไม่ยืดหยุ่นกับวิถีของพวกเขา
  • พื้นที่คุ้มครองคือความร่วมมือ ไม่ใช่การลบกฎหมาย ชุมชนที่ได้รับการรับรอง เช่น ดอยช้างป่าแป๋ แสดงให้เห็นว่า เมื่อรัฐและชาติพันธุ์ร่วมมือกัน ป่าไม้ก็ได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ถูกทำลาย

ชาติพันธุ์สำคัญอย่างไรกับคนเมือง? จับตากฎหมายในสภา ในป่าควรมีคนอยู่ไหม? เมื่อ “คนอยู่กับป่า” ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดมาเนิ่นนาน

คนไทยมีหลายหลากชาติพันธุ์

ความเข้าใจว่าคนไทยมีเพียงเชื้อชาติเดียว ภาษาเดียว วัฒนธรรมเดียว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคสร้างรัฐชาติ แต่ในความเป็นจริง ดินแดนที่เราเรียกว่าประเทศไทยนั้น เต็มไปด้วยความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นม้ง กะเหรี่ยง ลาหู่ อาข่า เย้า มลาบรี และอีกมากมาย ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคอื่น ๆ “ไทยแท้”ในนิยามของผู้คนคืออะไร ในเมื่อเรามีทั้งคนไทยเชื้อสายจีน มอญ แขก อยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรม

 

พวกเขามีภาษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่แตกต่างจากคนเมือง แต่ไม่ได้แปลว่าเขา “ไม่ใช่คนไทย” ชาติพันธุ์ในแผ่นดินไทยก็คือคนไทย เพียงแค่เขาใช้ชีวิตในพื้นที่ที่คนเมืองอาจมองว่า “ไกล” และ “ต่าง” เท่านั้นเอง

 

แล้วชาติพันธุ์มีปัญหาอะไร ทำไมต้องมีกฎหมายนี้?

แม้จะอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน คนกลุ่มนี้กลับถูกกันออกจากสิทธิขั้นพื้นฐานมากมาย กลายเป็นคนชายขอบที่แม้จะอยู่มานานหลายชั่วอายุคน แต่หลายคนกลับไม่มีสัญชาติ ไม่มีสิทธิในที่ดินที่อยู่อาศัย-ที่ทำกิน เข้าไม่ถึงการศึกษาและระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎหมายตราหน้าให้เขากลายเป็นคน “บุกรุกป่า” ทั้งที่กฎหมายอุทยาน-ป่าไม้ เกิดขึ้นทีหลังการอยู่อาศัยของพวกเขาในเขตป่าด้วยซ้ำ แต่กฎหมายของรัฐกลับไปริดรอนสิทธิ ที่มี “กำแพงของภาษาและวัฒนธรรม” เป็นตัวขวางกั้น

 

ร่าง พรบ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาในขณะนี้ เกิดจากการผลักดันของภาคประชาชนและพรรคการเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาทับซ้อนในเขตป่าดังกล่าว โดยย้ำว่านี่ไม่ใช่ “การให้สิทธิพวกเขาเหนือคนทั่วไป” แต่เป็นการ​ “คืนสิทธิที่ถูกพรากไป” กลับคืนมา

เว้นกฎหมายอุทยานในพื้นที่คุ้มครอง จุดอ่อนไหวที่ผู้แทนไม่ยอมรับ

หนึ่งในประเด็นที่ถูกถกเถียงมาก คือใน ม.27 ของร่าง พรบ.ฉบับนี้ ที่ระบุว่า ใน “พื้นที่ที่ถูกประกาศให้เป็นเขตคุ้มครองวิถีชีวิตของชาติพันธุ์” ซึ่งจะต้อง “ผ่าน” การพิจารณาของคณะกรรมการเสียก่อนนั้น จะต้องมีการ “ทำข้อตกลง” ระหว่างชุมชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น อุทยาน ป่าไม้ ฯลฯ ในพื้นที่ ต้องทำแผนแม่บท รับฟังผู้มีส่วนได้เสีย ให้ครบถ้วน

 

ให้ “ไม่ต้องนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับในพื้นที่” เป็นประโยคที่ สส.หลายคนมองว่าเป็นการลบล้างกฎหมายอื่น ให้อภิสิทธิ์คนกลุ่มนี้ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ

 

แต่จริงๆแล้ว “พื้นที่คุ้มครอง” เป็นลักษณะการอนุญาตให้ชุมชนอยู่อาศัยในป่าได้โดยมีลักษณะ “ชั่วคราว” คืนสิทธิให้ชุมชนที่อยู่มาก่อน เพราะหากใช้กฎหมายอุทยานหรือกฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ จะจำกัดสิทธิในการอยู่อาศัยและการทำกินในพื้นที่อย่างมาก ที่สำคัญคือลักษณะชั่วคราวนี้ “ถูกยกเลิกได้” หากชุมชนทำผิดข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับรัฐ

 

ในปัจจุบันมีเพียง 24 ชุมชนจากทั่วประเทศเท่านั้น ที่ได้รับการประกาศให้เป็น “พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตของชาติพันธุ์” ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่ได้ผ่านกันง่ายๆ ต้องถูกประเมินเป็นรายกรณี เพื่อพิสูจน์ว่าชุมชนเหล่านั้นอยู่มาก่อนกฎหมาย และมีความพร้อมในการจะอยู่ร่วมกับพื้นที่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ดอยช้างป่าแป๋ ลำพูน พื้นที่ตัวอย่าง ชาติพันธุ์แนวหน้ากันไฟป่า ได้ผลจริง!

SPRiNG ได้มีโอกาสลงพื้นที่ชุมชนดอยช้างป่าแป๋ หนึ่งในพื้นที่คุ้มครองฯ พบว่า ชาวบ้านซึ่งเป็นชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ กลายเป็นแนวหน้าและแนวร่วมสำคัญของเจ้าหน้าที่อุทยานป่าไม้ ในการทำงานเชิงรุกป้องกันไฟป่า และปกป้องชุมชน 

ทำไมต้องมี พรบ.ชาติพันธุ์ คืนสิทธิคนอยู่กับป่าหรือให้อภิสิทธิ์

เมื่อคนพื้นที่ที่เกิดและโตบนดอย รู้จักทุกซอกทุกมุมของป่า ใช้สถิติว่าแต่ละปีไฟป่ามักจะมาทางไหน? พื้นที่ไหนคือป่าต้นน้ำ พื้นที่ไหนควรสร้างบ่อหรือวางถังเก็บน้ำไว้ใช้ดับไฟป่า ได้ลงมือทำงานจริง สามารถช่วยดับไฟป่าได้จริงๆ ซึ่งการขุดบ่อ/วางถังน้ำ 200 ลิตร/วางแนวสปริงเกอร์ดับไฟป่า ไม่สามารถทำได้ใต้กฎหมายอุทยานทั่วไป แต่ทำได้เมื่อเป็นข้อตกลงระหว่างชุมชนและอุทยาน ภายใต้การรับรองเป็นพื้นที่คุ้มครองฯ นั่นเอง

ทำไมต้องมี พรบ.ชาติพันธุ์ คืนสิทธิคนอยู่กับป่าหรือให้อภิสิทธิ์

คนในป่า คือความจริงที่คนเมืองควรยอมรับ

การยอมรับว่า “ในป่ามีคนอยู่” และเขามีสิทธิที่จะอยู่ในผืนแผ่นดินนี้อย่างเท่าเทียม คือสิ่งที่สังคมไทยควรเดินหน้าไปให้ถึง ป่าไม่ใช่แค่ที่พักผ่อนหย่อนใจหรือพื้นที่ลดโลกร้อนของคนเมือง แต่คือชีวิตทั้งหมดของใครอีกหลายคน

 

ไม่ใช่แค่เพื่อความเป็นธรรม แต่เพื่อสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน เพราะป่าไม้ไม่ใช่ของใครคนเดียว และประเทศนี้ก็ไม่ได้มีแค่ชาติพันธุ์เดียวเช่นกัน

related