SHORT CUT
18 มีนาคม ทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันรีไซเคิลโลก หรือ Global Recycling Day เพื่อสร้างความตระหนักให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของการรีไซเคิล เราขอชวนมาตระหนักถึงปัญหา E-Waste
ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโลกยุคดิจิทัล "ขยะอิเล็กทรอนิกส์" หรือ "E-Waste" กลับกลายเป็นภัยคุกคามเงียบที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 18 มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็น "วันรีไซเคิลโลก" เราจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เพื่อรักษาโลกใบนี้ให้ยังหมุนได้ต่อไป โดยที่เจอกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยที่สุด
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ "E-Waste" ไม่ได้เป็นเพียงเศษซากของอุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งาน แต่กลับเป็นแหล่งรวมสารพิษอันตรายที่พร้อมจะแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมและทำลายสุขภาพของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม ที่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่อาจประเมินค่าได้
การ รีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นทางออกที่สำคัญในการลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะพิษที่ปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการนำวัสดุที่มีค่ากลับมาใช้ใหม่ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) เป็นหนึ่งในประเภทของขยะมูลฝอยที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
• ในปี 2022 มีการผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกประมาณ 62 ล้านตัน โดยมีเพียง 22.3% เท่านั้นที่ถูกบันทึกว่าได้รับการเก็บรวบรวมและรีไซเคิลอย่างเป็นทางการ
• สารตะกั่วเป็นหนึ่งในสารที่มักถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมเมื่อมีการรีไซเคิล เก็บ หรือทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านกระบวนการที่ไม่เป็นทางการ เช่น การเผากลางแจ้ง
• กิจกรรมการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่เป็นทางการอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะเด็กและสตรีมีครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
• องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) - องค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่ามีผู้หญิงและแรงงานเด็กนับล้านคนที่ทำงานในภาคการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่เป็นทางการทั่วโลก และอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการสัมผัสสารอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์
ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจุดรับที่เหมาะสม: ปัจจุบันมีโครงการและหน่วยงานต่างๆ ที่จัดตั้งจุดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี เช่น โครงการ "คนไทยไร้ E-Waste" ของ AIS
แยกชิ้นส่วนอย่างระมัดระวัง : การแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปรีไซเคิล ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันอันตรายจากสารพิษ
ไม่ทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป : การทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมกับขยะทั่วไป จะทำให้เกิดการปนเปื้อนและยากต่อการจัดการ
ในระดับโลก ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2565 มีการประเมินว่าทั่วโลกมีการผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 62 ล้านตัน แต่มีเพียง 22.3% เท่านั้นที่ได้รับการรวบรวมและรีไซเคิลอย่างเป็นทางการ
สำหรับประเทศไทย ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2566 มีปริมาณประมาณ 500,000 ตัน แต่การรีไซเคิลยังอยู่ในระดับต่ำที่ 15% เท่านั้น
ด้านสิ่งแวดล้อม : สารพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์สามารถปนเปื้อนดิน น้ำ และอากาศ ทำลายระบบนิเวศ และคุกคามชีวิตสัตว์และมนุษย์
ด้านสุขภาพ : การสัมผัสสารพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ สามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคระบบประสาท โรคไต และโรคมะเร็ง
ด้านสังคม : ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ส่งผลต่อการจัดการขยะ สุขอนามัย และทัศนียภาพ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาการบริโภคที่มากเกินความจำเป็น
ใน "วันรีไซเคิลโลก" 18 มีนาคม 2025 ปีนี้ เราทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เพื่อลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น และสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลัง การรีไซเคิลไม่ใช่เพียงแค่การกำจัดขยะ แต่เป็นการสร้างอนาคตที่สดใสและปลอดภัยสำหรับทุกคน
ที่มา : who unitar.org prd.go.th