SHORT CUT
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกยังคงเติบโตในช่วงต้นปี 2025 ข้อมูลจาก Rho Motion เผยให้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจและแนวโน้มที่น่าจับตามองในอนาคต
Rho Motion รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 พุ่งสูงถึง 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือนมกราคม แต่ภาพรวมยอดขายสะสมสองเดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ยังคงเติบโตอย่างน่าประทับใจที่ 30% คิดเป็นยอดขายรวม 2.4 ล้านคัน
ประเทศจีน ยังคงเป็นผู้นำตลาด EV โลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขาย 1.4 ล้านคันในช่วงสองเดือนแรกของปี 2025 เติบโตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 ที่น่าสนใจคือ ปีนี้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) กลับมาได้รับความนิยมในจีนอีกครั้ง
โดยเติบโตถึง 46% แซงหน้ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่เติบโต 22% BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ยังคงเดินหน้าขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับกำแพงภาษีในบางภูมิภาค
ตลาดยุโรป (EU, EFTA, และ UK) มียอดขายรวม 0.5 ล้านคัน เติบโต 20% โดย BEV เป็นตัวขับเคลื่อนหลักด้วยอัตราการเติบโต 29% ขณะที่ PHEV เติบโตเพียง 2% เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายภาษีน้ำหนักของฝรั่งเศสที่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย PHEV อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เยอรมนีและสหราชอาณาจักรยังคงเป็นตลาด BEV ที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 40%
ตลาดอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, และเม็กซิโก) มียอดขาย 0.3 ล้านคัน เติบโต 20% โดยเม็กซิโกมีการเติบโตที่โดดเด่นเนื่องจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่เพิ่มขึ้น
สหรัฐอเมริกาเองก็มีการเติบโตของ BEV ที่ 28% แต่สถานการณ์ในอนาคตยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากมีการเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะยาว
Tesla แม้จะเป็นผู้ผลิต BEV รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา แต่บริษัทกลับเผชิญกับความท้าทายในช่วงต้นปี 2025 โดยยอดขายในยุโรปและจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสวนทางกับการเติบโตของตลาดโดยรวม สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด EV
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ โดยเฉพาะจากประเทศจีน กำลังเข้ามาท้าทายผู้เล่นเดิมในตลาด ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และอาจส่งผลให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลงในอนาคต
นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น เงินอุดหนุน, สิทธิประโยชน์ทางภาษี, และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด EV ในแต่ละภูมิภาค
การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อระยะทางวิ่ง, เวลาในการชาร์จ, และต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค
ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจะมีผลโดยตรงและมากขนาดนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคบางส่วนจะนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อรถยนต์
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจีนเป็นผู้นำและยุโรปเป็นตลาดสำคัญที่น่าจับตามอง
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่เข้มข้น นโยบายที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ตลาด EV ในปี 2025 เต็มไปด้วยความน่าสนใจและความไม่แน่นอน ผู้บริโภคและผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ที่มา : Rhomotion