SHORT CUT
Tesla ซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ "E41" ต่อยอดความสำเร็จ Model Y หั่นต้นทุนการผลิตลง 20% หวังเจาะตลาดจีน เตรียมเดินสายการผลิตที่ Gigafactory เซี่ยงไฮ้ในปี 2026
Tesla ตั้งเป้าลดต้นทุนการผลิต Model Y "E41" ลงอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับ Model Y รุ่นปัจจุบัน ทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ดึงดูดใจผู้บริโภคได้มากขึ้น
เพื่อลดต้นทุน Tesla จะใช้สายการผลิตที่มีอยู่แล้วที่โรงงาน Gigafactory Shanghai ในประเทศจีน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
สื่อจีน เปิดเผยว่า Tesla China ใช้แนวคิด "Depop" ในการพัฒนา E41 คือการลดความซับซ้อน โดยยังคงรักษาคุณสมบัติหลักของรถไว้ ทำให้สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
แหล่งข่าวระบุว่า E41 จะมีขนาดเล็กกว่า Model Y รุ่นปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือขนาดแบตเตอรี่เพื่อลดต้นทุน
E41 จะถูกวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นหลัก เพื่อรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน
แม้ว่า Model Y จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในจีน แต่ส่วนแบ่งตลาดโดยรวมของ Tesla กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่ง
ข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) แสดงให้เห็นว่าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของ Tesla ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงเหลือ 3.8% และส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) อยู่ที่ 6.3%
การเปิดตัว Model Y "E41" ถือเป็นก้าวสำคัญของ Tesla ในการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีการแข่งขันสูง
ยังเร็วเกินไปที่จะระบุราคาที่แน่นอนของ Model Y "E41" แต่จากการคำนวณคร่าวๆ และข้อมูลที่มีอยู่ ราคาเริ่มต้นอาจจะอยู่ในช่วงประมาณ 210,800 - 242,800 หยวน (1,054,000 - 1,214,000 บาท) หรืออาจจะต่ำกว่านั้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ความสามารถในการแข่งขันของ Tesla ในตลาดจีนที่กำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งภายในประเทศ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น Xiaomi SU7 ที่ทำยอดขายแซงหน้า Model 3 ติดต่อกันถึงสามเดือน รวมถึงคู่แข่งโดยตรงของ Model Y ที่กำลังจะมาถึงจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Aito (ภายใต้ Huawei), Xiaomi (YU7), และ Xpeng ล้วนเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อส่วนแบ่งตลาดของ Tesla ในปัจจุบัน
การเปิดตัว Model Y "E41" ที่มีราคาเข้าถึงง่าย จึงเป็นเหมือน "หมากรุก" สำคัญที่ Tesla วางไว้เพื่อตอบโต้การแข่งขันที่รุนแรงนี้ และรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ "E41" จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาที่แข่งขันได้จริง, คุณสมบัติที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีน, และความสามารถในการผลิตและส่งมอบที่ทันท่วงที
ศึกชิงความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น และ Tesla จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากผู้เล่นหน้าใหม่และผู้เล่นเดิมที่แข็งแกร่งขึ้น
การปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่จะทำให้ Tesla สามารถรักษาความได้เปรียบในสมรภูมิ EV อันดุเดือดนี้ได้
การลดต้นทุนการผลิตลงอย่างมีนัยสำคัญจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Tesla สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การขยับตัวของ Tesla ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
ที่มา : CNEVPOST