ญี่ปุ่น เน้นพัฒนาต่างจังหวัด ดึงคนย้ายไปอยู่ แต่ลืมพัฒนาแผนรับมือน้ำท่วม?ญี่ปุ่น เน้นพัฒนาต่างจังหวัด ดึงคนย้ายไปอยู่ แต่ลืมพัฒนาแผนรับมือน้ำท่วม?
จังหวัดอิชิกาวะในประเทศญี่ปุ่นเผชิญอุทกภัย และดินถล่มตากฝนที่ตกหนัก ทำให้ขณะนี้มีการรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ปริมาณน้ำฝนในเมืองวาจิมะคือ 500 มม. ส่วนเมืองซูซุมีน้ำฝนเกือบ 400 มม. ซึ่งเป็นสถิติปริมาณน้ำฝนที่สูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกมา
เบื้องต้นทางการสั่งปิดถนน 38 จุดใน 17 เส้นทางเพื่อความปลอดภัย คาดการณ์ว่าบ้านเรือนประชาชนกว่า 4,500 หลังคาเรือนจะไม่มีไฟฟ้า-น้ำใช้ ทางฟากของ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่น
เหตุการณ์ในครั้งนี้นำมาสู่คำถามที่ว่าเหตุใดญี่ปุ่นจึงไม่สามารถรับมือน้ำท่วมได้ดี (มากพอ) จนมีผู้เสียชีวิต เท่าที่ทราบคือญี่ปุ่นมีระบบเตือนภัยดีเป็นอันดับต้น ๆ จากการจัดอันดับของHyogo Framework Disaster Risk Progress Score ซึ่งถือเป็นประเทศเอเชียเพียงประเทศเดียวที่ติดท็อป 10
คำถามเมื่อครู่อาจคลี่คลายขึ้นจากรายงานชิ้นใหม่ของ Nikkei Asia โดยเสนอข้อสันนิษฐานว่า “การพัฒนาเมือง” อาจมีส่วนทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถรับมือน้ำท่วมได้ แม้จะมีระบบเตือนภัยล่วงหน้าอย่าง J-Alert ก็ตาม
รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า Japan’s exacerbated by urban development เนื้อหาชี้ไปยังนโยบายการพัฒนาเมืองที่เอื้อให้ประชาชนอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ราบลุ่ม และพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา
ในปี 2563 มีประชาชนกว่า 24.59 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณเสี่ยงภัยน้ำท่วม เทียบกับปี 2538 ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน 23.83 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.6 แสนคน
จะเข้าใจสภาพสังคม และเหตุผลของการโยกย้าย ต้องย้อนกลับไปในปี 2543 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ เน้นพัฒนาเมืองตามต่างจังหวัดให้มีความศิวิไลซ์ และเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งบริเวณเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม
ผลที่ตามมาคือเมื่อบริเวณนั้น ๆ ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ บรรดาโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือ การขนส่ง หรือธุรกิจก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเมื่อเป็นเช่นนี้ คนจึงหลั่งไหลกันมาอยู่เพื่อทำมาหากิน มีการสร้างอาคารบ้านเรือนมากมาย
แต่บรรดาธุรกิจที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ราบลุ่มดังกล่าว ไม่ได้มีแผนรับมืออุทกภัยโดยส่วนใหญ่เตรียมตัวรับมือกับภัยแผ่นดินไหวมากกว่า มีรายงานว่ามีธุรกิจเพียง 50% ที่มีการทำแผนรับมืออุทกภัยในพื้นที่ราบต่ำ
แต่หารู้ไม่ว่า ความสูญเสียจากน้ำท่วมมีมูลค่าสูงกว่าแผ่นดินไหวหลายเท่า โดยเว็บไซต์ statista ระบุว่า ในปี 2563 ความเสียหายจากน้ำท่วม และดินโคลนในญี่ปุ่นสร้างความเสียหายอยู่ที่ 286.73 ล้านเยน หรือประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่แผ่นดินไหวคิดเป็น 28.67 ล้านเยน หรือประมาณ 6.5 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นคงต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่านโยบานการพัฒนาเมืองของรัฐที่ใช้อยู่นั้นสอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่เผชิญในปัจจุบันมากน้อยแค่ไหนง
ที่มา: Nikkei Asia
ข่าวที่เกี่ยวข้อง