SHORT CUT
เป็นวันสำคัญที่รณรงค์ให้ผู้คนหันมาเดินเท้า ปั่นจักรยาน และเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น ให้มีการลดใช้พลังงาน วันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการรณรงค์ลดการใช้รถส่วนบุคคล
แต่แปลกใจแม้มีการรณรงค์ Car-Free Day แต่กทม.รถยังติด แถมยอดจดทะเบียนรถใหม่พุ่ง 1.6 ล้านคัน
22 กันยายน ของทุกปีเป็นวันคาร์ฟรีเดย์ ไทยรณรงค์ Car-Free Day ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่กทม.รถยังติด แถมยอดจดทะเบียนรถใหม่พุ่ง 1.6 ล้านคัน
22 กันยายนของทุกปี คือ วันคาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day) ไอเดียรักษ์โลกให้คนตระหนักถึงมลพิษทางอากาศ ที่มีแนวโน้มจึงเพิ่มขึ้นทุกวันนี้ จึงเกิดเป็นวันสำคัญที่รณรงค์ให้ผู้คนหันมาเดินเท้า ปั่นจักรยาน และเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น ให้มีการลดใช้พลังงาน วันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการรณรงค์ลดการใช้รถส่วนบุคคล
แม้ว่าจะมีการรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมากขึ้น แต่…ในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยรถก็ยังติดอยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่มากที่พยายามแก้ไขยังไงก็ยังแก้ไขไม่ได้ โดยที่ผ่านมา INRIX บริษัทผู้พัฒนาระบบการวิเคราะห์การขับขี่ และการเดินทาง ได้มีการเผยแพร่ผลการวิเคราะห์ INRIX 2022 Global Traffic Scorecard เป็นการวิเคราะห์ความแออัดของการจราจร และการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ระบุว่า กรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่รถติด อันดับที่ 32 ของโลก และติดอันดับ 2 ของทวีปเอเชีย
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าไทยยังนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวอยู่ และการรณรงค์การลดการใช้ยนต์ส่วนตัวเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร สอดคล้องกับยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ก็เพิ่มขึ้น โดยกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม รายงานว่า สถิติการจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี พ.ศ. 2567 เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 พบผู้นำรถใหม่มาจดทะเบียนจำนวน 1,623,778 คัน แบ่งเป็น เดือนมกราคม 259,299 คัน เดือนกุมภาพันธ์ 227,883 คัน เดือนมีนาคม 234,429 คัน เดือนเมษายน 199,056 คัน เดือนพฤษภาคม 249,757 คัน เดือนมิถุนายน 231,948 คัน และเดือนกรกฎาคม 221,406 คัน
หากดูข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ยังสูง ทำไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศที่มีสาเหตุมาจากรถยนต์รวมถึงยานพาหนะที่ใช้กันบนท้องถนนปล่อยก๊าซจากเครื่องยนต์สันดาป ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle)
จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การทำงานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันช่วยลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งปัจจุบันการใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 มีจำนวน 59,670 คัน แบ่งเป็น เดือนมกราคม 15,915 คัน เดือนกุมภาพันธ์ 6,259 คัน เดือนมีนาคม 7,373 คัน เดือนเมษายน 5,973 คัน เดือนพฤษภาคม 7,969 คัน เดือนมิถุนายน 7,911 คัน และเดือนกรกฎาคม 8,270 คัน ทั้งนี้
กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้ - 10 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก! "โซลูชั่นกำจัดฝุ่น" กลิ่น เสียง ลดมลพิษทางอากาศ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
แม่เด็ก "เหยื่อมลพิษทางอากาศรายแรกของโลก" ฟ้องรัฐ เหตุทำลูกเธอเสียชีวิต
มลพิษทางอากาศส่งผลกลิ่นดอกไม้เปลี่ยนไป ทำให้แมลงเกิดความสับสน