SHORT CUT
รัฐบาลไอซ์แลนด์ออกใบอนุญาตให้บริษัทล่าวาฬ สามารถล่าวาฬได้ทั้งหมด 128 ตัวในฤดูล่าวาฬปีนี้ สร้างความผิดหวังให้หลายฝ่าย เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ทางการสั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว หลังมีรายงานพบว่า มีการทรมานสัตว์อย่างโหดร้ายกว่าที่วาฬจะตาย
ไอซ์แลนด์ออกใบอนุญาตให้บริษัท Hvalur ซึ่งเป็นบริษัทล่าวาฬแห่งสุดท้ายในยุโรป สามารถฆ่าวาฬฟินได้ทั้งหมด 128 ตัวในฤดูล่าวาฬปีนี้ สร้างความผิดหวังให้แก่หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ที่ออกมาระบุว่า ผิดหวังอย่างยิ่ง
รายงานระบุว่า ปีนี้บริษัท Hvalur ซึ่งมีสัญชาติไอซ์แลนด์ บริหารงานโดย Kristján Loftsson ได้รับอนุญาตให้ฆ่าวาฬฟินได้ 128 ตัว ทั้งที่เมื่อปีที่แล้วมีคำสั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว
เนื่องจากรายงานของรัฐบาลชี้ว่า การใช้ฉมวกแทงวาฬ ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าที่วาฬจะตาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการทรมานสัตว์อย่างโหดร้าย และยังมีการออกกฎใหม่ ซึ่งทำให้ฤดูล่าวาฬของปีที่แล้วล่าช้ากว่าปกติ ดังนั้นเมื่อปีที่แล้วจึงมีการล่าวาฬไปเพียง 24 ตัวเท่านั้น
ส่วนในคำอนุญาตปีนี้ รัฐมนตรีอาหาร ประมงและการเกษตรของไอซ์แลนด์เปิดเผยว่า การตัดสินใจของเธอไม่จำเป็นต้องไปเป็นตามมุมมองของเธอ หรือพรรคของเธอ แต่เธอจำเป็นต้องทำตามกฎหมายและกฎระเบียบ
ด้านผู้อำนวยการของกองทุนสวัสดิภาพสัตว์ระหว่างประเทศเปิดเผยว่า มันไม่มีทางที่จะฆ่าวาฬในทะเลโดยไม่มีการทารุณเกิดขึ้น
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงประมงฯคนก่อนได้สั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว หลังจากมีรายงานพบว่า การล่าวาฬเมื่อปี 2022 ไม่ได้ทำตามกฎระเบียบเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ และใช้เวลานานมากกว่าที่วาฬจะตาย
โดยรายงานชี้ว่า วาฬบางตัวที่ถูกฉมวกแทงใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าจะตาย และนั่นนำไปสู่การตั้งคำถามว่า การล่าวาฬขนาดใหญ่จะสามารถเป็นไปตามกฎระเบียบเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์เป็นชาติที่สอง นับจากญี่ปุ่น ที่อนุญาตให้กลับมามีการล่าวาฬอีกครั้งในปีนี้ โดยวาฬที่อนุญาตให้ล่านั้นจะเป็นวาฬฟิน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
และพวกมันถูกจัดให้อยู่ในบัญชีแดงสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรวาฬฟินกลับมาเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ช่วงคริสตทศวรรษที่ 1970 ที่หลายประเทศออกคำสั่งห้ามล่าพวกมัน
ที่มา: The Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง