SHORT CUT
วันที่ 4 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ธรรมเนียมการล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโรได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และมีวาฬถูกฆ่าไปแล้วกว่า 40 ตัว สปริงชวนติดตามเรื่องราวนี้ หมู่เกาะแฟโรมีที่มาอย่างไร ธรรมเนียมการล่าวาฬมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และคนบนเกาะคิดยังไงกับเรื่องนี้
“มันเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ของเรา”
บ่อยครั้งที่ประโยคทำนองนี้ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการทำอะไรบางอย่าง สำหรับกรณีนี้ ถือเป็นสถานการณ์ตัวอย่างที่ดีในการถกเถียง เพราะความยึดมั่นในธรรมเนียมของหมู่เกาะแฟโร ทำให้วาฬกว่า 40 ชีวิตต้องถูกพรากไปอย่างโหดร้ายทารุณ
สปริงชวนรีแคปสั้น ๆ ก่อนเข้าเนื้อหา รู้หรือไม่ว่า...ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หมู่เกาะแห่งนี้สังหารวาฬและโลมาไปแล้วกว่า 20,000 ตัว เฉลี่ยปีละ 1,000 ตัว และที่สำคัญเนื้อวาฬจะถูกนำไปปรุงเป็นอาหารหลากหลายสไตล์ให้คนบนเกาะได้ทานกันอย่างอูมามิ
หมู่เกาะแฟโรเป็นเขตปกครองตนเอง ตั้งอยู่ระหว่างไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ มีประชากรราว 53,418 คน สืบค้นไปพบว่าคนส่วนใหญ่บนเกาะแห่งนี้สืบเชื้อสายมาจากชาวไวกิ้ง และอพยพมาตั้งรกรากในช่วง ค.ศ. 800 (ไม่น่าเชื่อว่าเก่าแก่กว่ากรุงรัตนโกสินทร์เสียอีก)
“grindadráp” คือชื่อที่คนบนเกาะใช้เรียกธรรมเนียมการล่าวาฬ หลายเว็บไซต์ให้ข้อมูลว่า การล่าวาฬของหมู่เกาะแฟโรจะเกิดขึ้นช่วงมิถุนายนไปจนถึงตุลาคม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคลื่นทะเลและสภาพอากาศเป็นใจมากแค่ไหน
โดยชาวบ้านจะแล่นเรือล้อมรอบวาฬหรือโลมาเอาไว้ จากนั้นพวกมันจะถูกอาวุธ เช่น ตะขอ หอก หรือใบมีดเฉือนจนเสียชีวิต จากนั้น พวกมันก็จะถูกลากไปจอดไว้ที่ริมชายฝั่ง ดังที่เราเห็นในภาพ
เกริ่นไปเล็กน้อยแล้วว่าวาฬผู้น่าสงสารพวกนี้ เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้วก็จะถูกนำไปทำเป็นอาหารเลิศรส เมนูฮิตที่สุดมีชื่อว่า “Tvøst and spik” พูดให้เข้าใจมันก็คือ fish and chip ดี ๆ นี่เอง เพราะบนจานประกอบไปด้วย เนื้อวาฬและมันฝรั่ง
“วาฬก็เหมือนวัว แกะ หมู หรือไก่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอาหาร” นี่คือทัศนคติหรือมุมมองของคนแฟโรต่อวาฬ สัตว์ที่ทั้งโลกพร่ำบอกว่าให้ช่วยกันอนุรักษ์
ทั้งนี้ สปริงได้ไปสืบค้นเพิ่มเติม และได้ใจความดังนี้ คนบนหมู่เกาะแฟโรมองว่าวาฬหรือโลมาในมหาสมุทรเปรียบเสมือนสัตว์ที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ
ดังนั้น การล่าหรือบริโภคเนื้อพวกมันจึงถือว่ายั่งยืนและเป็นธรรมชาติมากกว่าการเลี้ยงในฟาร์ม หรือเนื้อจากโรงงาน
กลุ่ม Blue Planet Society อธิบายว่า เมื่อปีที่แล้ว หมู่เกาะแฟโรใช้ตะขอลากวาฬเข้าฝั่งเป็นร้อยตัว และไล่เชือดทีละตัว ๆ จากท้องทะเลสีคราม ก็เปลี่ยนเฉดเป็นสีแดง คาวหึ่งไปด้วยเลือด
ทำให้ชวนคิดต่อว่า หากเราปลดเปลื้องเลนส์หรือแนวคิดทุกอย่างออกไปทั้งหมด เราจะรู้สึกยังไงระหว่าง เฉย ๆ หรือ หดหู่
คำถามต่อมาคือ การล่าวาฬผิดกฎหมายหรือไม่ นี่แหละความตลกร้าย เพราะการล่าวาฬของหมู่เกาะแฟโรได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายของสหภาพยุโรป และด้วยความเป็นรัฐอิสระจึงทำให้หมู่เกาะแห่งนี้สามารถผ่านกฎหมายของตัวเองได้
“การล่าวาฬมันไม่จำเป็นเลยสำหรับประเทศที่มีเงินเดือนเฉลี่ยหัวละ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (2 ล้านบาท) พวกเขาทำเพื่อความเพลิดเพลิน และความบ้าเลือดล้วน ๆ” กลุ่ม Blue Planet Society กล่าวถึงกรณีการล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโร
มีคนวิเคราะห์ว่า การล่าวาฬของหมู่เกาะแฟโรในบริบทของสังคมสมัยใหม่ อาจเป็นการต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมที่พยายามบ่อนเซาะและเข้ามามีอิทธิพลเหนือ ซึ่งระยะเวลาเป็นพันปีคงพิสูจน์ได้แล้วว่า “ไม่เป็นผล”
คุณล่ะคิดเห็นอย่างไร นี่คือธรรมเนียมเก่าแก่หรือโหดร้ายทารุณ?
ที่มา: Euro News, UK Whale, Britannica
ข่าวที่เกี่ยวข้อง