ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
สหภาพยุโรปและนานาประเทศ ประณาม ‘โครงการล่าวาฬ’ บนมหาสมุทรแอนตาร์กติก ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่อ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่แท้จริงแล้วเป็นไปเพื่อการค้า
สหภาพยุโรปร่วมกับอีก 12 ประเทศ ออกแถลงการณ์ต่อต้านการดำเนินโครงการของญี่ปุ่น ระบุว่า ‘อียู’ และบรรดานานาชาติ ร่วมกันคัดค้าน ‘โครงการล่าวาฬ’ ของญี่ปุ่น ที่อ้างเป็นงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่กลับเป็นไปเพื่อการล่าเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าบริเวณมหาสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งขัดต่อกฎระเบียบของคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ
โดยอีก 12 ประเทศ ที่เข้าร่วมลงนามต่อต้านกับอียู ได้แก่ อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, ชิลี, คอสตาริกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, ปานามา, เปรู และอุรุกวัย
เมื่อเดือนที่แล้ว ญี่ปุ่นส่ง ‘เรือล่าวาฬ’ ออกจากทะเลทางตอนใต้ ตามแผนของโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่จะล่า ‘วาฬมิงค์’ มากถึง 333 ตัว ภายในระยะเวลา 4 เดือน
โดยสำนักงานประมงญี่ปุ่น อ้างว่า การล่าวาฬในครั้งนี้เป็นไปเพื่อศึกษาพฤติกรรมของสัตว์และลักษณะทางชีววิทยา ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การวิจัยดังกล่าวไม่มีความจำเป็นต้องเป็นอันตรายต่อสัตว์แบบนี้ และที่สำคัญโครงการวิจัยที่ตั้งขึ้น มีเพื่อปกปิด ‘การล่าวาฬเชิงพาณิชย์’
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นลงนามในข้อตกลงว่า ด้วยการ ‘ล่าวาฬ’ ของคณะกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ แต่ใช้ช่องโหว่ในข้อตกลงชั่วคราวนี้ที่อนุญาตให้มีการล่าเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ในปี 2557 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ มีคำสั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นยุติการล่าวาฬในมหาสมุทรแอนตาร์กติก ระบุว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้มาตรฐานตามการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งและได้ระงับโครงการในช่วงปี 2557-2558 และอ้างว่า จะกลับมาพร้อมแผนการล่าวาฬฉบับใหม่ ที่เป็นไปเพื่อการวิจัยอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ร่วมของ ‘อียู’ และนานาชาติ ยังระบุว่า คณะกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ ได้ตัดสินเมื่อปีที่แล้วว่า โครงการวิจัยใหม่นี้ไม่ใช่โครงการทางวิทยาศาสตร์และญี่ปุ่นควรยุติโครงการนี้ และย้ำว่า การเดินทางกลับสู่มหาสมุทรแอนตาร์กติกของญี่ปุ่นเพื่อล่าวาฬอีกครั้ง ขัดต่อข้อเรียกร้องของคณะกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ