SHORT CUT
จีนถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย มีพื้นที่ป่ากว่า 2,310,000 ตร.กม. ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีรายงานว่าจีนสามารถปลูกต้นไม้ได้กว่า 40,000 ตร.กม.
เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันปลูกต้นไม้แห่งชาติจีน คณะกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีน ระบุว่า ปี 2566 เก็บสถิติการปลูกต้นไม้ได้ 40,000ตร.กม.
เมื่อเทียบกับสัดส่วนป่าของจีนซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2,310,000 ตร.กม. อาจฟังดูน้อย แต่หากเปรียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็ประมาณจังหวัดเชียงใหม่
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นผลจากการที่จีนลุยโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ผลลัพธ์แบบที่เห็นได้ชัดเลยคือช่วยฟื้นฟูบริเวณทุ่งหญ้าเสื่อมโทรมได้ถึง 43,000 ตร.กม.
ด้วยความสงสัย สปริงจึงไปหาข้อมูลเพิ่มว่าจีนใช้วิธีใดถึงได้ปลูกป่าได้มากขนาดนั้น ปรากฏว่าการปลูกต้นไม้ในจีนเป็นแนวทางปฏิบัติที่ทำกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ระดับประชาชนไปจนถึงผู้นำระดับสูงของประเทศ
สำหรับภาคประชาชนถือว่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คนจีนนิยมปลูกต้นไม้ บริจาคเงินช่วยเหลือ หรือแม้กระทั่งทำงานอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องกับการปลูกป่า
เมื่อมีป่าไม้เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์สะท้อนออกมาให้เห็นว่า จีนมีการเดินทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากกว่า 2.5 พันล้านครั้ง เมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ น่าอยู่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกเหนือจากป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว พื้นที่ชุ่มน้ำ 18 แห่งถูกจัดลิสต์ให้เป็นแหล่งระบบนิเวศที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ
สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีพื้นป่าไม้ที่ราว 163,200 ตร.กม. ลดลงจากปี 2020 ประมาณ 0.05% ด้วยเหตุว่าเจออุปสรรคหลายอย่าง อาทิ การลักลอบเผาป่า หรือโครงการอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่ต้องรื้อถอนต้นไม้ออกป่า
ขณะที่ กทม.ก็มีโครงการชื่อว่า “ปลูกต้นไม้ล้านต้น” เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้ภายใน 4 ปี ซึ่งขณะนี้ กทม.ปลูกต้นไม้ไปแล้ว 848,325 ต้น (อัปเดตวันที่ 13 มีนาคม 2567)
ที่มา: Xinhua
ข่าวที่เกี่ยวข้อง