ดูเหมือนว่า เป้าหมายลดการรักษาอุณหภูมิในต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) จะเลือนรางเต็มที เป้าหมายลดโลกร้อน ที่ประเทศต่าง ๆ ให้ไว้อาจเป็นเพียงคำสัญญาลวง
ล่าสุด สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เผยแพร่รายงานตลาดถ่านหินประจำ “Coal 2024” ที่คาดการณ์ว่าโลกจะใช้เชื้อเพลิงถ่านหินถึงจุดสูงสุดในปี 2027 หลังจากแตะระดับ 8,770 ล้านตันในปี 2567
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “จีน” ซึ่ง IEA ระบุว่า ความต้องการถ่านหินของจีนในปี 2024 จะเพิ่มขึ้น 1% หรือประมาณ 4,900 ล้านตัน ต้องบอกว่า ตลอดช่วง 25 ปีที่ผ่านมา จีนใช้ถ่านหินมากกว่าประเทศอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วน 30%
สวนทางกับสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มการใช้ถ่านหินลดลง 12% และ 5% โดย IEA คาดการณ์ว่า ประเทศกลุ่มนี้จะใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลดลงไปจนถึงปี 2027 เพราะหลังจากนี้ ประเทศต่าง ๆ จะมุ่งสู่พลังงานหมุนเวียน 100%
เห็นได้จากกรณีสหราชอาณาจักรปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายในประเทศ โดยเรื่องสำคัญที่ IEA เน้นย้ำคือ การเลิกใช้เชื้อเพลิงถ่านหินจะเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายเชิงรุก นโยบายที่เข้มแข็ง
ฝั่งเอเชียถือเป็นศูนย์กลางตลอดค้าถ่านหินระหว่างประเทศ เมื่อพลิกไปดูประเทศผู้นำเข้าถ่านหินมากที่สุดคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ในขณะที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย
ถือเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะหากใครจำกันได้ เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป หรือ C3S ได้ยืนยันแล้วว่า “ปี 2024” จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ ด้วยอุณหภูมิ 1.62 องศาเซลเซียส
ที่มา: The Straits Times
ข่าวที่เกี่ยวข้อง